แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าได้มีการสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกัน แม้จำเลยที่รับสารภาพและศาลชั้นต้นลงโทษ จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลก็ปล่อยจำเลยที่รับสารภาพนั้นได้ คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยหลายฐาน เมื่อศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานใดแล้วไม่มีอุทธรณ์ฎีกา ก็ถือว่าความผิดฐานนั้น ๆ เป็นอันยุตติศาลฎีกาไม่ต้องพิจารณาถึง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามสมัครใจชกต่อยกอดปล้ำทำร้ายร่างหายกันไม่ถึงบาดเจ็บในที่สาธารณ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา ม.๓๓๕(๖),๓๓๘(๓),๒๕๔,๗๑ นายกิม นายอรุณให้การปฏิเสธ นายมิตร์ผู้เดียวรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามกฎหมายอาญา ม.๒๓๕(๖) ข้อหาอื่นให้ยก
นายกิม นายอรุณอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นางกิมเพียงแต่เข้าไปห้ามมิให้เกิดการทำร้ายกันขึ้นและได้ความว่านายอรุณทำร้ายนายมิตร์ข้างเดียว ถือว่าโจทก์สืบพะยานผิดจากฟ้อง จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยนายกิม นายอรุณจำเลยคดีฉะเพาะตัวนายมิตร์ คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อหาตาม ม.๓๓๘(๓) โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาจึงเป็นอันยุตติ คงพิจารณาแต่เพียงว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกันหรือไม่ ในข้อนี้พะยานโจทก์ให้การแตกต่างกัน จะฟังเอกเป็นความจริงไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษนายกิม นายอรุณนั้นชอบแล้ว และเมื่อไม่ได้ฟังว่าจำเลยได้วิวาทต่อสู้กันนายมิตร์จำเลยซึ่งให้การรับสารภาพและมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่ควรจะต้องได้รับโทษเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสามคน