คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กล้องถ่ายภาพยนตร์เป็นของกรมแรงงาน อยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของ ส. จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ช่างภาพ ส. ได้มอบกุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยเก็บรักษา บางครั้ง ส. กับจำเลยไปถ่ายภาพในกิจการของกรมแรงงาน บางครั้งจำเลยไปคนเดียว นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปได้โดยไม่ต้องรายงาน ส. แต่เสร็จราชการแล้วต้องนำไปเก็บไว้ที่เดิม ถ้าเสร็จงานเมื่อหมดเวลาราชการ จำเลยนำไปไว้ที่บ้านได้ วันเปิดทำงานก็นำเอาไปเก็บที่เดิมเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า ส. ได้มอบการครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้แก่จำเลย จำเลยเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ไปโดยเจตนาทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2517 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด คนร้ายเข้าไปในแผนกสถิติ กองวิชาการและวางแผน กรมแรงงานอันเป็นสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ยี่ห้อโบเร็กซ์ 1 กล้อง ราคา 16,000 บาทของกรมแรงงาน นิติบุคคลผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของนายสมบูรณ์ กองแก้ว พนักงานสถิติโท และเก็บรักษาอยู่ที่สถานที่ราชการดังกล่าวนั้นไปโดยสุจริต ในระหว่างวันเวลาดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของกรมแรงงานกับพวกที่หลบหนี 1 คน ร่วมกันนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่ถูกลักไป ไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำมั่งเชียง ทั้งนี้ ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวแล้ว จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้น จำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันรับเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ของผู้เสียหาไว้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ แล้วเอาไปจำนำไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8)(11) มาตรา 357, 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)(11) ให้จำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงให้จำคุก จำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่ราชการเป็นช่างภาพได้รับมอบหมายจากนายสมบูรณ์ กองแก้ว ให้เป็นผู้รักษากุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์แต่ผู้เดียว จำเลยนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปใช้ในราชการได้ โดยไม่ต้องรายงานผู้ใด แสดงว่าจำเลยมีส่วนในการครอบครองรับผิดชอบกล้องถ่ายภาพยนตร์ร่วมกับนายสมบูรณ์ กองแก้ว การที่จำเลยนำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปให้เพื่อนยืมใช้โดยเชื่อว่าเพื่อนจะนำมาคืนให้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ไปโดยทุจริต เนื่องจากจำเลยไม่มีเจตนาจะเอาเป็นของตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากล้องถ่ายภาพยนตร์ยี่ห้อโบเร็กซ์เป็นของกรมแรงงาน มีไว้ใช้ในราชการในหน่วยประชาสัมพันธ์ และอยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของนายสมบูรณ์ กองแก้วพนักงานสถิติโท กองวิชาการและวางแผนกรมแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้วย จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ ตำแหน่ง พนักงานสถิติ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ช่างภาพ ซึ่งเป็นตำแหน่งงานของกองวิชาการและวางแผนที่ยังไม่บรรจุบุคคลเข้าทำงาน จำเลยร่วมทำงานในหน่วยประชาสัมพันธ์ นายสมบูรณ์ กองแก้ว มอบกุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยเก็บรักษา บางครั้งนายสมบูรณ์กับจำเลยไป ถ่ายภาพในกิจการของกรมแรงงานบางครั้งจำเลยไปคนเดียว นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปได้โดยไม่ต้องรายงานนายสมบูรณ์ กองแก้ว แต่เสร็จราชการแล้วต้องนำไปเก็บไว้ที่เดิม ถ้าเสร็จงานเมื่อหมดเวลาราชการ จำเลยนำเอาไปไว้ที่บ้านได้วันเปิดทำงานก็นำไปเก็บที่เดิมเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่ายังถือไม่ได้ว่านายสมบูรณ์ กองแก้ว ได้มอบการครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้แก่จำเลย แม้นายสมบูรณ์ กองแก้ว มอบกุญแจไขตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยไว้ ก็เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ราชการเท่านั้น การครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ยังอยู่กับนายสมบูรณ์ กองแก้ว จำเลยเอาไปโดยเจตนาทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share