คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเคยเลี้ยงดูจำเลยมาตั้งแต่จำเลยยังเป็นเด็กและเป็นผู้ที่จำเลยรักใคร่นับถือ ไม่ได้พบกันมานานและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เมื่อจำเลยพบผู้เสียหาย จำเลยรู้สึกอยากจะหยอกเล่นและทำให้ผู้เสียหายตกใจประกอบกับความคึกคะนองและความมึนเมาสุราจำเลยจึงเข้าไปยืนใกล้และใช้อาวุธปืนสั้นของจำเลยยิงไปทางที่ผู้เสียหายนอนตะแคงอยู่บนเรือนหันหน้ามาทางจำเลย 1 นัด กระสุนปืนถูกฝาเรือนเหนือไหล่ซ้ายผู้เสียหาย 1 นิ้วฟุต ดังนี้ น่าเชื่อว่าจำเลยตั้งใจจะหยอกล้อผู้เสียหายเล่น หาใช่เพราะตั้งใจจะฆ่าแต่อย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพาอาวุธปืนพกสั้น ๑ กระบอกไปในหมู่บ้านโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุอันสมควร และจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางคำภา จันทร์มี โดยมีเจตนาฆ่าให้ตาย แต่เผอิญกระสุนปืนที่ยิงไม่ถูกร่างกายนางคำภา จันทร์มี นางคำภา จันทร์มี จึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย ในวันเดียวกันนั้นเองพลตำรวจวิสุทธิ์ คอมแพงจันทร์ กับพวกได้เข้าจับกุมจำเลยตามอำนาจหน้าที่ จำเลยได้บังอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวแล้วยิงต่อสู้ขัดขวางพลตำรวจวิสุทธิ์ คอมแพงจันทร์ โดยมีเจตนาฆ่าให้ตายแต่ปืนที่จำเลยยิงไม่ลั่น จึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๗๑, ๘๐, ๙๐, ๙๑, ๓๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ให้สั่งริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้พาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันสมควร ข้อหานอกจากนั้นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ แล้วควรปรับ ๔๐ บาท กับมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี มาตรา ๑๓๘ วรรค ๒, ๑๔๐ วรรคแรกและวรรค ๓ จำคุก ๒ เดือน รวมเป็นโทษจำคุก ๑๐ ปี ๒ เดือน ปรับ ๔๐ บาท ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้มีเจตนาฆ่านางคำภา จันทร์มี และมิได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการจับกุม
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ในข้อหาความผิดฐานพยายามฆ่านางคำภา จันทร์มี พยานหลักฐานของโจทก์ยังเป็นที่สงสัย ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานนี้ ส่วนข้อหาความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการจับกุม ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง แต่เห็นว่าเมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดมาตรา ๑๔๐ แล้วไม่ต้องปรับบทตามมาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ อีก พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ จำคุก ๒ เดือน ข้อหาพยายามฆ่าตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่านางคำภา จันทร์มีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้เสียหายเคยเลี้ยงดูจำเลยมาแต่จำเลยยังเป็นเด็ก และเป็นผู้ที่จำเลยรักใคร่นับถือ ไม่ได้พบกันมานานและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน จำเลยมีอาการมึนเมาสุรา เมื่อจำเลยพบผู้เสียหายจำเลยรู้สึกอยากจะหยอกเล่นและทำให้ผู้เสียหายตกใจ จำเลยจึงเข้าไปยืนใกล้ยกปืนจ้องพร้อมกับขู่ว่านิ่ง พอผู้เสียหายตื่น ปืนของจำเลยลั่นไปทางผู้เสียหายนอน ขณะผู้เสียหายนอนตะแคงหันมาทางจำเลย โดยจำเลยยิงให้สูงกว่าระดับตัวไม่ให้ถูก กระสุนปืนถูกฝาเรือนเหนือไหล่ซ้ายวัดได้ ๗ นิ้วฟุต ดังนี้ เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะหยอกล้อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยรักใคร่นับถือ เพราะเลี้ยงจำเลยมาแต่เด็กและไม่ได้พบกันนานแล้วให้ตกใจเล่น ด้วยความคึกคะนองประกอบด้วยความมึนเมาสุรา หาใช่เพราะตั้งใจจะฆ่าแต่อย่างใดไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหานี้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share