คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรแต่บิดาเป็นคนต่างด้าว ได้สมรสกับคนต่างด้าวแต่ตามกฎหมายยังคงเป็นคนสัญชาติไทยอยู่ ต่อมาหญิงนั้นได้ขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตาม กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว แต่เป็นการรับเพราะเหตุที่ได้สมรสกับคนต่างด้าว และเป็นการปฏิบัติคำแนะนำของเจ้าพนักงานมิใช่โดยสมัครใจหญิงนั้นจึงยังหาขาดจากสัญชาติไทยไปตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 2) มาตรา 5 ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2498)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนไทยได้สมรสกับคนต่างด้าวชาติจีนแล้วจำเลยได้ขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว ตามใบสำคัญเลขที่ 464 ลงวันที่ 4/12/2480จำเลยขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2487ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การว่าเป็นคนไทยและต่อสู้หลายประการ ทั้งตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ไม่แน่นอนว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติจีนตามกฎหมายใด

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495 มาตรา 4 ปรับ 100 บาท ลดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงปรับ 50 บาท

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีผิดดังฟ้องพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ตามฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยที่รับกันฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนไทย โจทก์ไม่ได้สืบว่ากฎหมายประเทศจีนยอมรับภรรยาให้มีสัญชาติตามสามี ฉะนั้นจำเลยจึงยังเป็นคนไทยอยู่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้จำเลยปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานและรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเพราะได้สมรสกับสามีซึ่งเป็นคนต่างด้าว มิใช่เป็นการรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยสมัครใจ จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 16 ทวิแห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 จำเลยยังไม่ขาดสัญชาติไทย จึงไม่ผิดตามฟ้องพิพากษายืน

Share