แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีอาชีพทนายความ วันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายบ้านและการอกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อโจทก์เดินออกมาจำเลยพูดว่า “ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย” ดังนี้ การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความ โจทก์โดยประการที่จะทำให้โจทก์เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 326
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยใช้ถ้อยคำว่า “ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย”
ซึ่งหมายความว่าโจทก์เป็นทนายที่ไม่ดีและเป็นทนายชั้นต่ำ ไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเป็นทนายได้ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่นและเกลียดชังแก่บุคคลอื่น ขาดความไว้วางใจ ไม่น่าคบหาสมาคมด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๙๓,๙๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะข้อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓ มีคำสั่งประทับฟ้องโจทก์ตามข้อหามาตรา ๓๙๓ ไว้ดำเนินการพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์ว่า ข้อหาตามฟ้องมีมูลความผิดตามมาตรา ๓๒๖ ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการใช้ถ้อยคำว่า “ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย” จะมีมูลความผิดตามมาตรา ๓๒๖ แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนมูลฟ้องได้ว่า โจทก์มีอาชีพทนายความ ในวันเกิดเหตุโจทก์ไปพบจำเลยที่บ้านจำเลยเพื่อเจรจาตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายและการออกเช็คซึ่งโจทก์สั่งจ่ายแก่สามีจำเลย แต่ไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อโจทก์เดินออกมา จำเลยพูดว่า “ไอ้ทนายกระจอก ไอ้ทนายเฮงซวย” เห็นว่า การใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการพูดดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์ให้ได้รับความอับอายและเจ็บใจเท่านั้น หาใช่เป็นการใส่ความ โจทก์โดยประการที่จะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังไม่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา ๓๒๖
พิพากษายืน
(สุธี ชอบธรรม สนับ คีมภีรยส สมชัย ทรัพยวณิช)