แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่จำนองโจทก์ไว้ก่อนเจ้าหนี้อื่นส่วนหนี้ของโจทก์นอกจากหนี้จำนองเป็นหนี้สามัญที่เจ้าหนี้อื่น ๆ มีสิทธิขอเฉลี่ยจากเงินที่เหลือ แต่กรมสรรพากรเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253(3) ย่อมมีสิทธิ ได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้คนอื่น ๆ จากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ จำนองใช้แก่โจทก์แล้วและจากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินอื่นของจำเลย
ย่อยาว
จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำนองโจทก์ไว้ออกขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ค้างชำระภาษีเป็นเงิน 635,802.72 บาท ขอให้ศาลจ่ายเงินจำนองดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น โจทก์คัดค้านว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำนองย่อมได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องไว้พิจารณา และมีคำสั่งในประเด็นที่ว่าผู้ร้องมีสิทธิเข้ารับเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 หรือไม่เพียงใด และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งสองศาลแก่ผู้ร้องเป็นเงิน 31,590 บาทโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่จำนองโจทก์ไว้ได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ซึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จำนองเพียง2,500,000 บาท ส่วนหนี้ของโจทก์นอกนั้นเป็นหนี้สามัญที่เจ้าหนี้อื่น ๆ มีสิทธิขอเฉลี่ยจากเงินที่เหลือจากการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำนองโจทก์ไว้ได้ และผู้ร้องก็เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253(3)ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้คนอื่น ๆ จากเงินที่เหลือจากการชำระหนี้จำนองใช้แก่โจทก์แล้ว และจากเงินที่ขายทอดตลาดได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นจึงต้องรับคำร้องของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไปที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน