คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมดังเช่นจำเลยร่วมจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้เพราะเป็นข้ออุทธรณ์ที่นอกเหนือจากคำให้การของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียนป-1974 สงขลา ไปตามถนนสายอำเภอจะนะ-สงขลา ด้วยความเร็วสูงตามหลังและแซงรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน น-5754 สงขลา ของโจทก์ล้ำเส้นแบ่งครึ่งถนนไปทางด้านขวามือของรถยนต์โจทก์ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถยนต์โจทก์ ทำให้รถยนต์โจทก์เสียหลักตกไปข้างถนนได้รับความเสียหาย เสียค่าซ่อมเป็นเงิน24,050 บาท ขาดรายได้จากการประกอบอาชีพของโจทก์นับแต่วันละเมิดถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2533 รวม 27 วัน วันละ 800 บาทเป็นเงิน 21,600 บาทกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องจำนวน 855.93 บาท รวมเป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น 46,505.93 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 46,505.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 45,650 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์ด้วยความเร็วปกติไม่ได้ประมาทเลินเล่อแต่โจทก์เป็นฝ่ายขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกบริษัทรัตนโกสินทร์ประกันภัย จำกัด เข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่ารถยนต์ของโจทก์เสียหายอย่างใด ส่วนไหนที่ได้รับความเสียหายและการซ่อมแซมจำต้องซ่อมแซมอะไรบ้าง ทำให้จำเลยร่วมไม่เข้าใจข้ออ้างที่โจทก์เรียกร้องต่อจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 45,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2533 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 855.93 บาทยกฟ้องจำเลยร่วม
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายมีใจความว่า โจทก์มิได้บรรยายว่ารถยนต์โจทก์เสียหายอย่างใดส่วนไหนที่ได้รับความเสียหาย การซ่อมแซมจำต้องซ่อมแซมอะไรบ้างรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายและค่าเสียหายโดยชัดแจ้งก็ไม่มีคำฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมดังเช่นจำเลยร่วมจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ เพราะเป็นข้ออุทธรณ์ที่นอกเหนือจากคำให้การของจำเลยทั้งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายก อุทธรณ์ จำเลย

Share