คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยไปประกอบอาชีพที่มีที่อยู่แน่นอน โดยมิได้ย้ายภูมิลำเนาไปจากที่เดิม ภูมิลำเนาเดิมของจำเลยมีน้องชายของจำเลยอยู่เจ้าหน้าที่ได้ปิดหมายที่ภูมิลำเนาเดิม จึงเป็นการปฏิบัติโดยชอบ น้องชายจำเลยทราบถึงการปิดหมายข้อที่จำเลยอ้างว่าน้องชายจำเลยไม่แจ้งให้ทราบจึงไม่มีเหตุผล กรณีถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ย่อยาว

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหามีว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่ เห็นว่าจำเลยเองเบิกความรับว่าที่ไปทำกิจการร้านขายอาหารที่จังหวัดเชียงใหม่ จำเลยไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ภูมิลำเนาคงอยู่ที่เดิม หมายถึงว่าจำเลยยังคงมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังพิพาท นายสังข์พยานจำเลยเบิกความรับต่อไปว่า เมื่อเจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาฟ้องไปส่งให้จำเลย นายสังข์ไม่ได้รับไว้ ต่อมาเจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกไปปิดที่บ้านพิพาทนายสังข์ก็ไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ พิเคราะห์แล้วการปิดหมายเรียกและสำเนาฟ้องไว้ที่บ้านพิพาทอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะนายสังข์ไม่แจ้งให้ทราบนั้น เห็นว่านายสังข์เป็นน้องจำเลยอยู่กับจำเลยในบ้านพิพาทตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ตลอดมาจนทุกวันนี้ นายสังข์ได้ทราบเรื่องจำเลยถูกฟ้องแต่ต้นและเห็นเจ้าพนักงานศาลมาส่งและปิดหมายเรียกและสำเนาฟ้องที่บ้านพิพาท จึงไม่น่าเชื่อว่านายสังข์จะไม่แจ้งให้จำเลยทราบเรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง จำเลยเบิกความว่าจำเลยอยู่ที่บ้านพิพาทจนกระทั่งวันที่ 1 มกราคม 2523 จึงออกจากบ้านดังกล่าวไปประกอบการค้าเปิดร้านขายอาหาร “สวนอาหารชาวสวรรค์” เลขที่ 967 ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ นับแต่วันที่ออกจากบ้านไป เห็นได้ว่าจำเลยมีที่อยู่แน่นอนที่จังหวัดเชียงใหม่ เหตุที่นายสังข์อ้างว่าไม่รู้ที่อยู่ของจำเลยที่เชียงใหม่จึงไม่มีน้ำหนัก ไม่น่าเชื่อ”

พิพากษายืน

Share