แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาท แล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมา ดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครอบแทนโจทก์ แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้ว จำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยส่งที่นาพิพาทคืน และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยให้การปฏิเสธว่า นาพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ และจำเลยครอบครองมาเกิน ๑ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ทอดทิ้งนาพิพาทซึ่งไถ่ถอนคืนมาเป็นเวลา ๔ ปี โดยจำเลยเป็นผู้ครอบครองนาพิพาทตลอดมาโดยเปิดเผยอันเป็นการแย่งการครอบครอง นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ฟ้องใน ๑ ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ วรรคท้าย นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองนาพิพาท จึงถือว่าจำเลยยังครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์อยู่ หากจำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือจากในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครองนาเพื่อตน จำเลยก็ต้องบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าตนไม่เจตนาจะยึดถือแทนโจทก์ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ ซึ่งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติดังนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมาเกิน ๑ ปี จำเลยก็ไม่มีสิทธิครอบครองนาพิพาท พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งคืนนาพิพาทให้โจทก์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๓๐๐ บาท ได้มอบที่นามือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย และต่อมาโจทก์ได้นำเงิน ๓๐๐ บาท ไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นโจทก์ก็ทอดทิ้งไปหากินรับจ้างต่างจังหวัดเสีย ๔ ปี ไม่ได้ครอบครองทำนานั้นอีกเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองที่นาพิพาทแทน โดยจำเลยยังเป็นผู้ครอบครองทำนาพิพาทตลอดมาจนบันนี้เกินกว่า ๑ ปี ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินไถ่ถอนนาคืนมาจากจำเลยและจำเลยออกใบรับเงินให้เป็นหลักฐานแล้วเช่นนี้ สิทธิของจำเลยเรื่องทำนาต่างดอกเบี้ยก็ระงับหมดลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป ส่วนปัญหาว่าจะต้องมีการชำระมอบที่นาต่อกันอีกหรือไม่นั้น ปรากฏว่านาพิพาทเป็นนาล้วน ๆ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรในที่นานั้นเลย พฤติการณ์ที่ได้ชำระเงินและออกใบรับให้ต่อกันนั้น ก็เท่ากับเป็นการส่งมอบที่นาพิพาทต่อกันแล้วโดยปริยายอยู่ในตัวเอง หามีอะไรที่จะต้องกระทำการส่งมอบกันอีกไม่ ฉะนั้น การที่จำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทต่อมานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ย จึงไม่เรียกว่าครอบครองแทนโจทก์ ต้องถือว่าจำเลยครอบครองเพื่อตนเอง
อันไม่ใช่ลักษณะแย่งการครอบครองซึ่งจะต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์อีกว่าไม่เจตนาจะยึดถือแทนโจทก์ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อพฤติการณ์และรูปคดีเป็ฯดังวินิจฉัยมาดังกล่าว และที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่จำเลยได้ครอบครองมาเกิน ๑ ปี เช่นนี้ ก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทางครอบครองแล้ว พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น