คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์จำเลยจะมีข้อความว่า’ข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้นอันเกิดขึ้นเนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันโดยชัดแจ้งว่า จะนำข้อพิพาทฟ้องร้องยังโรงศาลมิได้จะต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการนายหนึ่งโดยแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่กรณีเป็นผู้ตัดสิน’ ก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการ โจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้นำรถไปซ่อมที่อู่ที่คิดราคาค่าซ่อมต่ำสุด และโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นแล้วตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวไม่ได้ห้ามไม่ให้คู่กรณีตกลงกันเอง เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันแล้วเช่นนี้ก็ไม่ต้องตั้งอนุญาโตตุลาการชี้ขาด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ไว้กับบริษัทจำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยท้ายฟ้อง ต่อมานายประสงค์ กีรติบุตร ได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวของโจทก์ เกิดชนกับรถยนต์ซึ่งนายวิชิต ทรัพย์สุนทร เป็นผู้ขับ ทำให้รถยนต์โจทก์เสียหายรวม 11 รายการ โจทก์นำรถไปซ่อมที่อู่ซึ่งจำเลยให้ตีราคาแล้ว โจทก์นำใบเสร็จไปขอรับเงินจากจำเลย ๆ จะให้เพียงครึ่งเดียว โจทก์ไม่ยอมรับ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินค่าซ่อมพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การต่อสู้ว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยหมวด 4 ข้อ 8 ซึ่งมีว่า “ข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้น อันเกิดขึ้นเนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันโดยชัดแจ้งว่าจะนำข้อพิพาทฟ้องร้องยังโรงศาลมิได้ จะต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการนายหนึ่งโดยแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่กรณีเป็นผู้ตัดสิน” นั้น คู่กรณีจะต้องนำข้อพิพาทไปให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด โจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญาฉบับนี้ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการให้พิจารณาชี้ขาด แต่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้นำรถไปซ่อมที่อู่ที่คิดราคาค่าซ่อมต่ำสุด และโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวแล้วตามกรมธรรม์ประกันภัยหมวด 4 ข้อ 8 ไม่ได้ห้ามไม่ให้คู่กรณีตกลงกันเอง เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันแล้ว จึงไม่ต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามสัญญาหมวด 4 ข้อ 8 โจทก์มีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาล บังคับให้จำเลยชำระเงินค่าซ่อมให้แก่โจทก์ได้

พิพากษายืน

Share