คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639-2641/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพบกับผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อผู้เสียหายทั้งสองบอกว่าจะมาหาบัตรขึ้นเขาศูนย์ จำเลยก็บอกว่า ทำให้ได้ แต่ต้องเสียเงินคนละ 400 บาท แล้วจำเลยเอารูปถ่ายของผู้เสียหายไป ต่อมาราว30 นาที จำเลยเอาบัตรปลอมมาให้ผู้เสียหายคนละฉบับ ผู้เสียหายจ่ายเงินให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเดียวกันโดยจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายรวม 2 คน ในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียว (ฐานใช้เอกสารปลอม)
บัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าเขาศูนย์ เป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9)

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันทำปลอมเอกสารบัตรอนุญาตผ่านเข้าบริเวณเขาศูนย์ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ และจำเลยได้อ้างใช้เอกสารดังกล่าวโดยนำไปขายให้แก่ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖,๒๖๘, ๘๓, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๒ และขอให้ศาลสั่งริบของกลางกับนับโทษจำเลยต่อกับโทษคดีอื่น
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ขายบัตรตามที่โจทก์ฟ้องจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นบัตรปลอม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า บัตรอนุญาตผ่านเข้าเขาศูนย์เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกปลอมแปลงบัตรดังกล่าว แต่ฟังได้ว่าจำเลยนำบัตรที่ได้มีการปลอมแปลงมาขายให้แก่ผู้เสียหาย โดยรู้อยู่ว่าเป็นบัตรปลอม พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ข้อ ๒ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๖(๑) จำคุกจำเลยสำนวนละ ๑ ปี รวม ๓ ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีที่พิพากษาไปแล้วริบบัตรของกลาง
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยตามสำนวนคดีที่ ๒ที่รวมพิจารณาในคดีนี้เป็นกรรมเดียวกับการกระทำของจำเลยในอีกคดีหนึ่งซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้ว จะลงโทษจำเลยซ้ำอีกไม่ได้และ บัตรอนุญาตผ่านเข้าเขาศูนย์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ คงเป็นเอกสารราชการเท่านั้นพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ ต้องระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ให้จำคุกจำเลยสำนวนที่ ๑ และ ๓ สำนวนละ ๖ เดือนนับโทษติดต่อกัน และต่อกับโทษในคดีก่อนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไปแล้วสำนวนที่ ๒ ให้ยกฟ้องนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากผู้เสียหายในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๒๐/๒๕๑๕ และผู้เสียหายในคดีหมายเลขแดงที่ ๔๑๙/๒๕๑๖ (สำนวนที่ ๒) ว่าเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องกัน ได้พบกับจำเลยข้างที่ว่าการอำเภอฉวางจำเลยถามว่าจะไปไหน ผู้เสียหายว่า จะมาหาบัตรขึ้นเขาศูนย์ จำเลยบอกว่าทำให้ได้ แต่ต้องเสียเงินคนละ ๔๐๐ บาท แล้วจำเลยเอารูปถ่ายของผู้เสียหายไปคนละ ๒ รูป ต่อมาราว ๓๐ นาที จำเลยก็เอาบัตรมาให้ผู้เสียหายคนละฉบับ ผู้เสียหายจ่ายเงินให้จำเลยไปคนละ ๔๐๐ บาทตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเดียว โดยจำเลยมีเจตนากระทำต่อผู้เสียหายรวม ๒ คนในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียว
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า บัตรขึ้นเขาศูนย์เป็นเอกสารสิทธิ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบัตรดังกล่าวเป็นเอกสารแสดงว่าผู้ที่มีบัตรนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกในบริเวณเขาศูนย์ได้เท่านั้น มิได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอนสงวน หรือระงับ ซึ่งสิทธิแต่อย่างใดจึงมิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑(๙)
พิพากษายืน

Share