แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประเด็นมีเพียงว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทปลอมหรือไม่ การที่ศาลล่างยกเอาเรื่องความสมบูรณ์ของพินัยกรรมว่า เจ้ามรดกได้ลงชื่อในพินัยกรรมต่อหน้าพยานสองคนหรือไม่ มาเป็นข้อวินิจฉัย แม้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ให้อำนาจศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ก็ตาม แต่จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริง ในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบตามมาตรา 87 ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็น ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ หรือมีกฎหมายบังคับให้ต้องแสดง ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม มาตรา 142(5) หาได้ไม่
ย่อยาว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้ามรดกมิได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน จึงเป็นพินัยกรรมที่ไม่สมบูรณ์ พิพากษาว่าพินัยกรรมตามฟ้องตกเป็นโมฆะ ให้โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของนายพรมศาลอุทธรณ์ฟังว่า เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมลงชื่อต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ใช้บังคับได้ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อนำสืบของจำเลยมีน้ำหนักรับฟังเชื่อได้ว่านายพรม โพธิ์จันทร์ เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมฉบับพิพาทนี้จริง
ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกเอาปัญหาในข้อที่ว่า เจ้ามรดกได้ลงลายมือชื่อในพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน เพื่อความสมบูรณ์ของพินัยกรรม ตามแบบที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 หรือไม่นั้น เห็นว่า แม้ศาลล่างทั้งสองจะได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในปัญหาข้อนี้ต่างกันแต่ศาลฎีกากลับเห็นว่า การวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองในปัญหาดังกล่าว เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นต่างไปจากคำฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลย ซึ่งมีประเด็นเพียงว่า พินัยกรรมฉบับพิพาทปลอมหรือไม่ ส่วนเรื่องความสมบูรณ์ของพินัยกรรมว่าจะผิดแบบตามที่กฎหมายกำหนดไว้อันจะเป็นผลทำให้พินัยกรรมนั้นตกเป็นโมฆะหรือไม่หาได้มีฝ่ายใดกล่าวอ้างหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบไว้ไม่ จริงอยู่ที่ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายอันว่าด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้อำนาจศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้ โดยที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ก็ตาม แต่ศาลฎีกาก็เห็นว่าจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ เช่นได้จากหลักฐานพยานซึ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในคดีจะต้องนำสืบ หรือได้จากเอกสารพยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดงเป็นต้น สำหรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากพยานนอกเรื่องประเด็น ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบหรือมีกฎหมายบังคับให้ต้องแสดงดังกล่าวข้างต้น ศาลจะรับฟังมาเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) หาได้ไม่ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยถึงประเด็นข้อนี้”
พิพากษายืน