คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคดีฟังได้ว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทแล้ว. แม้ผู้ตายจะกระโดดลงจากรถก่อน หากแต่ในระยะกระชั้นชิดกับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น. และในที่สุดได้เกิดขึ้น. เพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายเฉพาะหน้านั้น. ก็ยังต้องถือว่าการกระทำของผู้ตายเป็นผลอันเกิดใกล้ชิดและเนื่องมาจากเหตุขับรถประมาทของจำเลย. จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยสารด้วยความประมาท แฉลบเข้าข้างทางเสียหาย และคนโดยสารผู้หนึ่งตกลงไปในคูถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 5, 29, 66 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2481 มาตรา 4 และสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อันเป็นบทหนัก จำคุก 6 ปี และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายกระโดดลงจากรถยนต์ไปก่อนที่รถจะชนเสาไฟฟ้าคอนกรีต แต่เป็นการกระโดดในระยะกระชั้นชิดกับการที่รถยนต์ชนเสาไฟฟ้า นับได้ว่าผู้ตายได้กระทำไปเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายที่จะเกิดขึ้นเฉพาะหน้า อันเป็นผลใกล้ชิดกับการขับรถด้วยความประมาทของจำเลย และวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามแนวฎีกาที่ 418/2481 ระหว่างอัยการจังหวัดตรัง โจทก์นายท้าม ลุ้งบ้าน จำเลย และฎีกาที่ 500/2489 ระหว่างอัยการจังหวัดพัทลุง และนายพร้อม พิทย์เทพ โจทก์ และนายพิณ ทองคำ จำเลย(ฎีกาที่ 2 อ้างผิด ควรอ้างฎีกาที่ 747/2489 ระหว่างอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช โจทก์ และนายมงคล ไกรวงษ์ จำเลย)พิพากษายืน จำเลยฎีกาหลายประเด็นรวมทั้งประเด็นข้อกฎหมายว่า ผู้ตายกระโดดลงจากรถยนต์ก่อนที่รถจะชนเสาไฟฟ้า หาใช่ความประมาทของจำเลยไม่จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยขับรถด้วยความประมาทชนเสาไม้ที่ปักริมทางแฉลบจะไปชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงอันเป็นการหวาดเสียวและใกล้อันตรายแล้วแม้ผู้ตายจะกระโดดลงจากรถก่อน หากแต่ในระยะกระชั้นชิดกับที่รถจะเข้าชนเสาไฟฟ้าดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า และในที่สุดก็ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าเป็นผลอันเกิดใกล้ชิดกับเหตุที่จำเลยขับรถด้วยความประมาท จำเลยต้องมีความผิด พิพากษายืน.

Share