คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินโฉนดที่ 12135 เดิมเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1402 ก.แบ่งแยกขายที่ดินให้จำเลยไปตามโฉนดที่ 12135 โดยรังวัดแบ่งแยกส่วนที่จะตัดเป็นถนนสาธารณะ ให้จำเลยไปด้วย ดังนี้ ข้อที่ ก.กับจำเลยตกลงกันว่าจะรังวัดแบ่งแยกที่พิพาทให้เป็นถนนสาธารณะในภายหลังนั้น เมื่อมิได้จดทะเบียนสิทธิ จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับจำนองจากจำเลยโดยที่โจทก์ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์และจำนองที่ดินโฉนดที่ ๑๒๑๓๕ ไว้กับโจทก์ จำเลยที่ ๒ ค้ำประกัน จำเลยผิดสัญญาโจทก์ฟ้องขอให้ไถ่ถอนจำนองและชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาและออกคำบังคับ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโจทก์นำยึดที่ดินโฉนดดังกล่าว ฯลฯ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของนางกิมลี้ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว นางกิมลี้เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๑๔๐๒ที่ดินโฉนดที่ ๑๒๑๓๕ เดิมเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ ๑๔๐๒ซึ่งนางกิมลี้แบ่งขายให้จำเลยที่ ๑ ไปเพื่อสะดวกในการรังวัดได้รังวัดแบ่งแยกส่วนที่จะตัดเป็นถนนสาธารณะให้จำเลยไปก่อนขอให้ถอนการยึดที่ดินส่วนที่เป็นถนนอันเป็นกรรมสิทธิ์ของนางกิมลี้และตกเป็นมรดกแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งว่า จะร้องขอให้ปล่อยที่ดินจากการยึดไม่ได้
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ที่ผู้ร้องว่านางกิมลี้กับจำเลยตกลงกันว่าจะรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้เป็นถนนสาธารณะในภายหลังนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อมิได้จดทะเบียนสิทธิดังกล่าว ผู้ร้องจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับจำนองจากจำเลยโดยที่โจทก์ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตหาได้ไม่ ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยการยึดทรัพย์
พิพากษายืน

Share