คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งดำเนินการตามหมายบังคับคดี ได้ทำการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลย รวมทั้งรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปในฐานเป็นผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 จึงต้องถือว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยซึ่งครบจำนวนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด เป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ของจำเลยเสร็จในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาด และรับเงินไว้แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์หลังจากวันนั้นอีกต่อไป ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์ในภายหลัง เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้แทนโจทก์เพิ่งส่งเงินที่รับไว้แทนโจทก์ให้แก่โจทก์ จึงถือเอาวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์เป็นวันที่จำเลยชำระหนี้เสร็จตามคำพิพากษาไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์ของจำเลย และขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอม ซึ่งจำเลยทำไว้ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทก์ถึงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๐๙ โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้โจทก์ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙
ศาลชั้นต้นสั่งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดดอกเบี้ยให้โจทก์ถึงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองนั้นถูกต้องแล้ว ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การจ่ายเงินชำระหนี้ล่าช้ามิได้เป็นความผิดของโจทก์หนี้รายนี้ยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๔๔ (๕) เพราะเมื่อขายทรัพย์จำนองไปแล้ว สิ่งที่เอามาค้ำประกันหนี้ได้สิ้นไป เป็นเหตุให้จำนองคือการค้ำประกันชำระหนี้ระงับเท่านั้น ส่วนหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระยังไม่ระงับสิ้นไป เมื่อมีเงินเหลือมากกว่าจำนวนหนี้ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๐๙ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ อันเป็นวันชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ พิพากษากลับให้โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยหนี้จำนองรายนี้นับแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๐๙ จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ อันเป็นวันชำระเงินเสร็จ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยหลังวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๐๙
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งดำเนินการตามหมายบังคับคดีได้ทำการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลย รวมทั้งรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๘ จึงต้องถือว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยซึ่งครบจำนวนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด เป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ของจำเลยเสร็จในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดและรับเงินไว้แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์หลังจากวันนั้นอีกต่อไป ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์ในภายหลังเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้แทนโจทก์เพิ่งส่งเงินที่รับไว้แทนโจทก์ให้แก่โจทก์ จึงถือเอาวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์เป็นวันที่จำเลยชำระหนี้เสร็จตามคำพิพากษาไม่ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยหลังวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๐๙ อันเป็นวันที่ถือได้ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้เสร็จตามคำพิพากษาแล้ว ฎีกาข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น.

Share