แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี และปรับ 2,800 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยจำนวน 4 ปี 8 เดือน โดยมิได้แก้บทกฎหมายแต่อย่างใดจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย การที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงเป็นการฎีกาดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 75)ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก จำคุก 3 ปี และปรับ 4,200 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี และปรับ 2,800 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดหรือต้องโทษจำคุกมาก่อนทั้งจำเลยอายุไม่มากและสภาพความผิดเนื่องจากผู้เสียหายยินยอม เห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29 และ 30ฟ้องโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ฯลฯ จำคุก 7 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี 8 เดือนโดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 67)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 73)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีและปรับ 2,800 บาท ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 4 ปี 8 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมากจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป
