คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลจะพิพากษาแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และเป็นที่ดินที่รวมอยู่ในที่ดินตามหนังสือรังรองการทำประโยชน์ของจำเลยก็ตาม จำเลยก็ไม่มีหน้าที่อย่างใดที่จะต้องไปจัดการโอนที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ หากที่พิพาทยังมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์อยู่ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเฉพาะส่วนที่ออกทับที่พิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์เท่านั้น
การที่โจทก์ขอให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกให้ก็พอจะแปลความหมายได้ว่าโจทก์ต้องการที่ดินกลับคืนมาเป็นของโจทก์ แต่เมื่อศาลเห็นว่าไม่สามารถจะบังคับให้ได้ตามคำขอ คงบังคับได้แต่เพียงให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วน ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาเช่นนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนี้ได้ยื่นฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๑๖/๒๕๑๒ หมายเลขแดงที่ ๑๘๑/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดกาญจนบุรี หาว่าโจทก์รุกล้ำที่ดินตามหนังสือรับรองการการทำประโยชน์ของจำเลย คดีดังกล่าวถึงที่สุด โดยศาลฎีกาพิพากษาว่าคดีขาดอายุความ ที่ดินพิพากเป็นของโจทก์ โจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ โดยเปิดเผยโดยสงบด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ หลังจากคดีดังกล่าวถึงที่สุด โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยจดทะเบียนนิติกรรมแบ่งแยกที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ออกจากที่ดินของจำเลยตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้เป็นชื่อของโจทก์ จำเลยทราบแล้วบิดพริ้วไม่จัดการให้ ขอให้พิพากษาแสดงว่าที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องในวงเส้นสีแดงเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องให้จำเลยจดทะเบียนนิติกรรมแบ่งแยกที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องในวงเส้นสีแดงออกจากที่ดินของจำเลยตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยก หากจำเลยไม่ปฏิบัติก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่าตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๑/๒๕๑๖ ศาลมิได้พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนนิติกรรมให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยจะต้องทำการจดทะเบียนนิติกรรมแบ่งแยกที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามแผนที่พิพาทหมายสีแดงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๑/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์ครอบครองให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทซึ่งมีเขตที่ดินตามแผนที่พิพาทสีแดงในคดีแพ่งหมายเลยแดงที่ ๑๘๑/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดกาญจนบุรีเป็นของโจทก์ ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว และแม้ว่าที่พิพาทนี้จะรวมอยู่ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ไม่มีหน้าที่อย่างใด ที่จะต้องไปจัดการโอนที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ หากที่พิพาทยังมีชือจำเลยเป็นเข้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์อยู่ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเฉพาะส่วนที่ออกทับที่พิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์เท่านั้น แต่การที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ ก็พอจะแปลความหมายได้ว่า โจทก์ประสงค์จะได้ที่ดินกลับคืนมาเป็นชื่อของโจทก์นั่นเอง ฉะนั้นแม้คำขอของโจทก์จะขอให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกให้ แต่เมื่อศาลเห็นว่าไม่สามารถจะบังคับให้ได้ คงบังคับได้แต่เพียงให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วนดังกล่าวเท่านั้น ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาเช่นนั้นได้
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเฉพาะส่วนที่ออกทับที่พิพาทตามแผนที่พิพาทหมายสีแดงในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๑/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นของโจทก์

Share