คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยนำธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาท ออกใช้ 2 ฉบับได้เงินทอน 850 บาทแล้ว ยังนำออกใช้อีก 1 ฉบับและยังค้นพบธนบัตรปลอมจากจำเลยอีก 5 ฉบับ พฤติการณ์ เช่นนี้ทำให้เชื่อว่าจำเลยทราบดีว่าธนบัตรทั้งหมดเป็นธนบัตรปลอม จำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา244

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 245 จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 244 จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดดังฟ้องหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวข้อยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฟังได้ว่าธนบัตรราคาฉบับละ 500 บาทของกลางที่ได้จากจำเลย 5 ฉบับและที่จำเลยนำไปซื้อตั๋วม้าแข่งจากนางสาวศิริวรรณพนักงานขายตั๋วม้าแข่งอีก 1 ฉบับ เป็นธนบัตรปลอม นางสาวศิริวรรณเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุนั้นนางสาวจีระพันธ์นำธนบัตรฉบับละ 500 บาท มาซื้อตั๋วม้าแข่งจากนางสาวศิริวรรณครั้งแรกซื้อฉบับละ 10 บาท 5 ฉบับ นางสาวศิริวรรณก็จ่ายเงินให้เป็น 450 บาท ซึ่งตามปกติคนอื่น ๆ ส่วนมากจะใช้ธนบัตรฉบับละ 10 บาท 20 บาทมาซื้อ และต่อมานางสาวจีรพันธ์นำธนบัตรฉบับละ 500 บาทมาซื้อตั๋วม้าแข่งอีก เกิดความสงสัยจึงตรวจดูธนบัตรฉบับละ 500 บาท พร้อมกันทั้งสองฉบับเนื่องจากในวันนั้นมีนางสาวจีรพันธ์คนเดียวที่ใช้ธนบัตรฉบับละ 500 บาทมาซื้อตั๋วม้าแข่ง ปรากฏว่าเป็นธนบัตรปลอมเพราะมีลักษณะอื่นแตกต่างจากธนบัตรของรัฐบาลที่แท้จริง นางสาวศิริวรรณจึงจับมือนางสาวจีรพันธ์ไว้และถามว่าได้ธนบัตรปลอม 500 บาท มาจากไหน จึงทราบว่าได้มาจากจำเลย เมื่อจับจำเลยได้แล้ว จำเลยยอมคืนเงินค่าทอนและเงินค่าซื้อตั๋วม้าแข่งรวม 500 บาทให้นางสาวศิริวรรณ โดยเหตุผลคงไม่มีใครขายของให้แก่คนที่ธนบัตรปลอมมาซื้อ เป็นเหตุผลให้เชื่อว่า เมื่อนางศิริวรรณตรวจดูแล้วทราบว่าธนบัตรฉบับละ 500 บาทที่นางสาวจีรพันธ์นำมาซื้อตั๋วมาซื้อตั๋วม้าแข่งเป็นธนบัตรปลอมจึงไม่ขายตั๋วม้าแข่งให้และคืนธนบัตรนั้นไป และที่จำเลยยังคืนเงินให้นางสาวศิริวรรณอีก 500 บาทนั้น จึงเชื่อได้ว่าเป็นการคืนเงินทอนกับเงินค่าตั๋วม้าแข่งที่นางสาวจีรพันธ์นำธนบัตรปลอมมาซื้อตั๋วม้าแข่งครั้งแรก ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้ให้นางสาวจีรพันธ์นำธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาทมาซื้อตั๋วม้าแข่งจากนางสาวศิริวรรณ 2 ครั้ง สิบเอกหญิงบุญล้อมเบิกความว่า เมื่อมีการเอะอะกันขึ้นในฟ้องขายตั๋วเรื่องธนบัตรฉบับละ 500 บาทปลอมจึงได้ตรวจดูธนบัตรฉบับละ 500 บาท ซึ่งมีเพียงฉบับเดียวที่ชายคนหนึ่งนำมาซื้อตั๋วม้าแข่ง ปรากฏว่าเป็นธนบัตรปลอม เพราะมีลักษณะกระดาษหยาบและหนากว่าของจริง มีพวกการเงินในห้องขายตั๋วขอดูธนบัตรนั้นหลายคนแล้วธนบัตรนั้นหายไป ต่อมาเมื่อทราบว่าจับคนมีธนบัตรปลอมได้ สิบเอกหญิงบุญล้อมจึงไปที่กองอำนวยการ พบจำเลยนี้จำได้ว่าเป็นชายคนที่เอาธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาท มาซื้อตั๋วม้าแข่ง สิบเอกหญิงบุญล้อมอ้างว่าเหตุที่จำได้เพราะม้าแข่งเลขที่สิบเอกหญิงบุญล้อมขายตั๋วในเที่ยวนั้นประชาชนคาดคะเนว่าจะชนะจึงมีคนซื้อตั๋วจำนวนมาก จำเลยนำธนบัตรฉบับละ 500 บาทมาซื้อตั๋วราคา 10 บาทจำนวน 10 ฉบับ สิบเอกหญิงบุญล้อมจึงบอกว่าไม่มีเวลาทอนเงินและให้จำเลยไปซื้อตั๋วม้าแข่งฉบับละ 500 บาท จำเลยก็ไม่ไปกลับคอยซื้อตั๋วม้าแข่งจากสิบเอกหญิงบุญล้อมจนได้ซึ่งสิบเอกบุญล้อมได้ทอนเงินให้ 400 บาท เมื่อพบจำเลยที่กองอำนวยการสิบเอกหญิงบุญล้อมขอเงินคืน จำเลยตอบว่าไม่มีเงินให้นางสาวศิริวรรณ จ่าสิบเอกอำนวยต่างก็เบิกความว่าได้ยินสิบเอกหญิงบุญล้อมขอเงินคืนจากจำเลย และจำเลยตอบว่าไม่มีเงิน เห็นว่าที่จำเลยไปซื้อตั๋วม้าแข่งจากสิบเอกหญิงบุญล้อมมีการพูดจากันและจำเลยยังคอยอยู่จนซื้อตั๋วม้าแข่งได้เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการซื้อขายอย่างปกติธรรมดา มีการพูดจากัน เป็นธรรมดาคนที่พูดกันย่อมจะมองหน้ามองปากกันและระยะเวลาจากจำเลยซื้อตั๋วม้าแข่งจนถึงเวลาที่สิบเอกหญิงบุญล้อมไปพบจำเลยที่กองอำนวยการก็ไม่นานนั้นย่อมจะจำกันได้ ทั้งขณะที่สิบเอกหญิงบุญล้อมขอเงินคืนจำเลยก็ตอบทันที่ว่าไม่มีเงินให้ จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้นำธนบัตรปลอมไปซื้อตั๋วม้าแข่งในระยะเวลาทันทีทันใดเช่นนี้ไม่มีเหตุอะไรที่จะสงสัยว่าสิบเอกบุญล้อมจะแต่งเรื่องขึ้นปรักปรำจำเลย เชื่อว่าจำเลยนำธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาทจำนวน 1 ฉบับไปซื้อตั๋วม้าแข่งจากสิบเอกหญิงบุญล้อมจริง จ่าสิบเอกอำนวยเบิกความว่าเมื่อจับจำเลยแล้วได้ตรวจค้นตัวจำเลยพบธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาทอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของจำเลยจำนวน 5 ฉบับ ซึ่งรวมอยู่เป็นปึกเดียวกันมีหมายเลขอย่างเดียวกันทุกฉบับและมีธนบัตรที่แท้จริงอีกหลายฉบับรวมทั้งธนบัตรฉบับละ 500 บาทอยู่ในกระเป๋านั้น จำเลยต่อสู้ว่าเมื่อไปพบจ่าสิบเอกอำนวยแล้ว พอจ่าสิบเอกอำนวยบอกว่าธนบัตรฉบับละ 500 บาทเป็นธนบัตรปลอม จำเลยได้เถียงทันทีว่าเพิ่งได้มาจะปลอมได้อย่างไรแล้วจำเลยล้วงธนบัตรฉบับละ 500 บาทที่มีอยู่ทั้งหมดจำนวน 5 ฉบับให้จ่าสิบเอกอำนวยดู ความข้อนี้มีแต่คำเบิกความของจำเลยปากเดียว นางสาวศิริวรรณ สิบเอกหญิงบุญล้อมต่างก็เบิกความว่าเห็นจ่าสิบเอกอำนวยค้นธนบัตรปลอมได้จากจำเลย ไม่ได้ว่าจำเลยล้วงออกมาให้ดูเอง และที่จำเลยต่อสู้ว่าได้ธนบัตรปลอมของกลางทั้ง 6 ฉบับมาจากเจ้ามือรับแทงม้าเถื่อนที่จำเลยซื้อตั๋วแทงม้าถูกนั้น ปรากฏว่าจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนในวันรุ่งขึ้นจากวันที่จำเลยถูกจับได้ว่าธนบัตรปลอมของกลางทั้งหมดมาจากการขายเครื่องสำอางค์ ต่อมาอีกประมาณหนึ่งเดือนจึงขอให้การพิ่มเติมว่าได้มาจากเจ้ามือรับแทงม้าเถื่อนที่จำเลยซื้อตั๋วแทงม้าถูก เห็นว่าคำให้การของจำเลยเปลี่ยนไปต่าง ๆ ไม่แน่นอน ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง เห็นว่าพยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเชื่อถือจากเหตุผลดังยกขึ้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยนำธนบัตรปลอมฉบับละ 500 บาทปลอมออกใช้จำนวน 2 ฉบับ ได้เงินทอน 850 บาท แล้วยังนำออกใช้อีก 1 ฉบับ และยังค้นพบธนบัตรปลอมจากจำเลยอีกจำนวน 5 ฉบับ ซึ่งเป็นจำนวนหลายฉบับ ทั้งยังไม่ได้ความจริงแน่ชัดว่าจำเลยได้ธนบัตรปลอมมาอย่างไร พฤติการณ์เช่นนี้เป็นเหตุผลให้เชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทราบดีว่าธนบัตรฉบับละ 500 บาท ของจำเลยในคดีนี้ทั้งหมดเป็นธนบัตรปลอมและจำเลยพยายามนำธนบัตรปลอมนั้นออกใช้ให้ได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้โดยซื้อตั๋วม้าแข่งในราคาน้อย ๆ เพื่อจะได้รับเงินทอนที่เป็นเงินที่แท้จริงจำนวนมาก ๆ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share