แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 และ 181 ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่า ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี โจทก์จะต้องมาศาลตามนัดมิฉะนั้นก็ให้ศาลยกฟ้องเสีย เว้นแต่จะมีเหตุสมควรศาลจึงจะให้เลื่อนคดีไป บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดี จึงกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายความจำเลยขอเลื่อนคดีไปโดยโจทก์ตกลงยินยอมกับทนายจำเลยไว้และโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้เป็นการคาดคะเนของโจทก์ ไม่เป็นเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และ 332
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และจำเลยที่ 2 ทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบด้วยมาตรา 181
โจทก์ยื่นคำร้องว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาคดีโจทก์ต่อไป จำเลยที่ 2 คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่ศาลจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ เพราะบทบัญญัติมาตรา 181 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ให้นำมาตรา 166 มาใช้บังคับแก่การพิจารณานั้น จะใช้บังคับโดยเคร่งครัดไม่ได้ โจทก์เองก็ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายโดยถูกต้อง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลยกฟ้อง และนำพยานมาสืบให้เห็นว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ประกอบกับข้อเท็จจริงเรื่องการขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์จากวันที่10 เมษายน 2533 เวลา 8.30 นาฬิกา ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้แล้วไปเป็นวันที่ 24 เมษายน 2533 เวลา 9 นาฬิกา เกิดจากจำเลยที่ 2เป็นฝ่ายขอเลื่อนคดีเอง โดยทนายความจำเลยที่ 2 อ้างว่าได้นัดไว้โดยพลั้งเผลอไปตรงกับวันทำบุญ 100 วันศพบิดาของทนายความของจำเลยที่ 2 โจทก์มีความเห็นใจในเรื่องนี้จึงตกลงยินยอมด้วยและโจทก์มีความเชื่อโดยสุจริตใจว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 24 เมษายน 2533 ทั้งเสมียนทนายความจำเลยที่ 2 ก็ยืนยันกับโจทก์ว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วเห็นว่าบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166และ 181 ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่าในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี โจทก์จะต้องมาศาลตามนัด มิฉะนั้นก็ให้ศาลยกฟ้องเสีย เว้นแต่จะมีเหตุสมควร ศาลจึงจะให้เลื่อนคดีไปจากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดี จึงได้กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง เกี่ยวกับคดีนี้ ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 10 เมษายน2533 เวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์ก็ทราบกำหนดโดยชอบแล้วมีหน้าที่จะต้อง มาศาลตามกำหนดนัดที่โจทก์อ้างว่าทนายความจำเลยที่ 2 ขอเลื่อนคดีไปวันที่24 เมษายน 2533 และโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ เป็นการคาดคะเนของโจทก์เอง ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ การที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องของ โจทก์ชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน