คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามป.พ.พ. มาตรา 425 เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้วโจทก์ชอบที่จะได้รับการชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกัน เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตาม มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ ตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยสารประจำทาง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ในวงเงิน 15,000 บาท จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างโดยประมาททำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้นางธนวรรณ วัฒนบรรยง ผู้โดยสารพลัดตกจากรถถึงแก่ความตายน จำเลยที่ 1 หลบหนีไป โจทก์ได้จ่ายค่าปลงศพ และค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 140,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายแทนจำเลยที่ 1 ไปแล้ว และโจทก์ได้หักค่าจ้างของจำเลยที่ 1 ชดใช้หนี้บางส่วน จึงเหลือค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่โจทก์ 131,440.29 บาท แต่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้ จำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน โจทก์ทวงถามจากจำเลยทั้งสองแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 131,440.29 บาทโดยให้จำเลยที่ 2 รับผิดในวงเงิน 15,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชอใช้เงินจำนวน131,440.29 บาท พร้อมดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้วโจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องคดีนี้ภายในกำหนดสิบปีนับจากวันที่โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ผู้ทำละเมิดต่อบุคคลภายนอก และให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินให้โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share