คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13049/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลได้กำหนดวันนั่งพิจารณาและแจ้งให้คู่ความทราบแล้ว การที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะขอเลื่อนการนั่งพิจารณาหรือขอเลื่อนคดี คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องยื่นคำขอเข้ามาก่อนหรือในวันนัดและแสดงเหตุผลให้ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรม ทั้งนี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ในวันนัดไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยานนัดแรกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 คู่ความแถลงว่า คดีพอมีทางตกลงกันได้ ประกอบกับทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นและขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นจึงให้เลื่อนไปนัดไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยในวันที่ 18 มีนาคม 2557 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด จำเลยทั้งสามไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ศาลชั้นต้นจึงออกนั่งพิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 นัดสืบพยานจำเลยทั้งสามในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสอง ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้ ส. เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นอ้างว่า ทนายจำเลยทั้งสามเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งเป็นคู่สัญญากับธนาคาร อ. เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ธนาคาร อ. มีหนังสือเชิญประชุมเพื่อจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ทนายจำเลยทั้งสามจำต้องเข้าร่วมประชุมและลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่กับธนาคาร อ. ที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงขอเลื่อนการสืบพยานออกไปอีกสักครั้ง นั้น ทนายจำเลยทั้งสามทราบนัดล่วงหน้าแล้วเกือบ 2 เดือน ที่ทนายจำเลยทั้งสามอ้างเหตุที่จะต้องไปเข้าร่วมประชุมกับลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่กับธนาคาร อ. คงเป็นไปเพื่อกิจการในเรื่องส่วนตัวของทนายจำเลยทั้งสามโดยแท้และทนายจำเลยทั้งสามได้ทราบเหตุก่อนถึงวันนัดหลายวันเพียงพอที่ทนายจำเลยทั้งสามจะแจ้งให้จำเลยทั้งสามทราบและจัดทนายความคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนเพื่อมิให้กระบวนพิจารณาในศาลที่นัดไว้ล่วงหน้าต้องเสียหายแต่มิได้กระทำ จึงมิใช่กรณีที่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ในอันที่จำเลยทั้งสามจะนำมาอ้างเป็นเหตุเพื่อขอเลื่อนคดี
ในวันสืบพยานโจทก์วันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้ ส. เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นขอเลื่อนคดี ฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัดแทน ส. ย่อมอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ มิใช่คู่ความฝ่ายจำเลยทั้งสามไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาล อันจะให้ถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณาในคดีมโนสาเร่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 193 ทวิ วรรคสอง การไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดี คงมีผลเพียงทำให้จำเลยทั้งสามเสียสิทธิในการซักค้านพยานโจทก์ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 เท่านั้น จำเลยทั้งสามยังคงมีสิทธินำพยานเข้าสืบในนัดวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ตามที่นัดไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณาและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันรื้อถอนโครงเหล็กบริเวณหน้าตึกแถวเลขที่ 2/31 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 3.5 เมตร สูง 3 เมตร ที่ต่อเติมรุกล้ำในที่ดินของโจทก์ทั้งสองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และร่วมกันขนย้ายสัมภาระและอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสาม ห้ามจำเลยทั้งสามกับบริวารต่อเติมโครงเหล็กหรือนำสิ่งของหรือสัมภาระและอุปกรณ์มาวางรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองอีก และหากจำเลยทั้งสามยังคงดำเนินการดังกล่าว ให้โจทก์ทั้งสองมีอำนาจดำเนินการรื้อถอนส่วนที่ต่อเติม และขนย้ายสิ่งของหรือสัมภาระและอุปกรณ์ที่กีดขวางทางไปเก็บในที่สมควร กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 27,120 บาท และค่าเสียหายอีกต่อไปเดือนละ 6,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 26,400 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนโครงเหล็กและขนย้ายสิ่งของหรือสัมภาระและอุปกรณ์ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองจนเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นอ้างว่า ทนายจำเลยทั้งสามติดประชุมกับธนาคารออมสิน ขอเลื่อนการสืบพยานออกไปอีกสักครั้ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าทนายจำเลยทั้งสามประวิงคดีจงใจทำให้คดีล่าช้า จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสามรับหมายเรียกแล้วไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี จึงถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์นำสืบพยาน 1 ปาก แล้วแถลงหมดพยาน คดีเสร็จการพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันรื้อถอนโครงเหล็กบริเวณหน้าตึกแถวเลขที่ 2/31 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 3.5 เมตร สูง 3 เมตร ที่ต่อเติมรุกล้ำในที่ดินของโจทก์ทั้งสองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และร่วมกันย้ายสัมภาระและอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง ห้ามจำเลยทั้งสามร่วมกับบริวารต่อเติมโครงเหล็กหรือนำสิ่งของหรือสัมภาระและอุปกรณ์มาวางรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองอีก กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 27,120 บาท และค่าเสียหายอีกต่อไปเดือนละ 6,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 26,400 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนโครงเหล็กและขนย้ายสิ่งของหรือสัมภาระและอุปกรณ์มาวางรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองจนเสร็จสิ้น ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 7,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และยกคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและขาดนัดพิจารณาของศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลได้กำหนดวันนั่งพิจารณาและแจ้งให้คู่ความทราบแล้ว การที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะขอเลื่อนการนั่งพิจารณาหรือขอเลื่อนคดี คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องยื่นคำขอเข้ามาก่อนหรือในวันนัดและแสดงเหตุผลให้ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรม ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันนัดไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยานนัดแรกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 คู่ความแถลงว่า คดีพอมีทางตกลงกันได้ ประกอบกับทนายจำเลยทั้งสามติดว่าความที่ศาลอื่นและขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นจึงให้เลื่อนไปนัดไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยในวันที่ 18 มีนาคม 2557 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด จำเลยทั้งสามไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ย ศาลชั้นต้นจึงออกนั่งพิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 นัดสืบพยานจำเลยทั้งสามในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสอง ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้นางสาวสุภารัตน์ เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นอ้างว่า ทนายจำเลยทั้งสามเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดแพร่นิติธรรมซึ่งเป็นคู่สัญญากับธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ธนาคารออมสินมีหนังสือเชิญประชุมเพื่อจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ทนายจำเลยทั้งสามจำต้องเข้าร่วมประชุมและลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่กับธนาคารออมสินที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงขอเลื่อนการสืบพยานออกไปอีกสักครั้ง เห็นว่า ทนายจำเลยทั้งสามทราบนัดล่วงหน้าแล้วเกือบ 2 เดือน ที่ทนายจำเลยทั้งสามอ้างเหตุที่จะต้องไปเข้าร่วมประชุมกับลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าจ้างฉบับใหม่กับธนาคารออมสิน คงเป็นไปเพื่อกิจการในเรื่องส่วนตัวของทนายจำเลยทั้งสามโดยแท้และทนายจำเลยทั้งสามได้ทราบเหตุก่อนถึงวันนัดหลายวันเพียงพอที่ทนายจำเลยทั้งสามจะแจ้งให้จำเลยทั้งสามทราบและจัดทนายความคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนเพื่อมิให้กระบวนพิจารณาในศาลที่นัดไว้ล่วงหน้าต้องเสียหายแต่มิได้กระทำ จึงมิใช่กรณีที่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ในอันที่จำเลยทั้งสามจะนำมาอ้างเป็นเหตุเพื่อขอเลื่อนคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เห็นว่า ธนาคารออมสินแจ้งกำหนดประชุมอย่างกระชั้นชิด กรณีมีเหตุให้เลื่อนคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและเพิกถอนกระบวนพิจารณาตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดี ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อย่างไรก็ตาม ในวันสืบพยานโจทก์วันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ทนายจำเลยทั้งสามมอบฉันทะให้นางสาวสุภารัตน์เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นขอเลื่อนคดี ฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัดแทน นางสาวสุภารัตน์ย่อมอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ มิใช่คู่ความฝ่ายจำเลยทั้งสามไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาล อันจะให้ถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณาในคดีมโนสาเร่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 ทวิ วรรคสอง การไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดี คงมีผลเพียงทำให้จำเลยทั้งสามเสียสิทธิในการซักค้านพยานโจทก์ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 เท่านั้น จำเลยทั้งสามยังคงมีสิทธินำพยานเข้าสืบในนัดวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ตามที่นัดไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณาและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะที่ถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณาและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเสีย กับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยทั้งสามแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share