แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสงเคราะห์กับค่าชดเชยแตกต่างกันเงินสงเคราห์จึงเป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้างนอกเหนือจากค่าชดเชย และการที่มีข้อบังคับกำหนดให้การจ่ายเงินสงเคราะห์เป็นการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานนั้น มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย จึงไม่มีผลบังคับ
ลูกจ้างมิได้ทำแผนวันลาพักผ่อนประจำปีตามคำสั่งของนายจ้างเพราะลูกจ้างมีเหตุจำเป็นไม่อาจหาคนอื่นทำหน้าที่แทนได้ และนายจ้างก็มิได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้ ดังนี้ เมื่อลูกจ้างเกษียณอายุโดยมิได้หยุดพักผ่อนประจำปีงบประมาณ 2526 และ 2527 นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีงบประมาณดังกล่าวแก่ลูกจ้าง ส่วนปีงบประมาณ 2528 นั้น ลูกจ้างมิได้ทำงานให้นายจ้างแล้ว จึงไม่มีวันหยุดพักผ่อนประจำปี ลูกจ้างจะเรียกค่าจ้างโดยอ้างว่าหากไม่ถูกเลิกจ้างก็มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีสืบเนื่องมาจากการทำงานครบ 1 ปีของปีงบประมาณ 2527 หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ในปีงบประมาณ ๒๕๒๖ และ ๒๕๒๗ โจทก์ไม่ได้ลาหยุดพักผ่อนประจำปี ส่วนในปีงบประมาณ ๒๕๒๘ หากโจทก์ยังไม่ถูกเลิกจ้างโจทก์มีสิทธิหยุดพักผ่อน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการทำงานครบ ๑ ปีของปีงบประมาณ ๒๕๒๗ จำเลยจึงต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าว ขอศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๒๕๒๖, ๒๕๒๗ กับ ๒๕๒๘ แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เมื่อโจทก์พ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุนั้นจำเลยได้จ่ายเงินตามข้อบังคับของจำเลยให้แก่โจทก์แล้ว โดยที่ข้อบังคับกำหนดว่า “การจ่ายเงินตามข้อบังคับนี้ ให้ถือว่าเป็นการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน” จึงถือว่าจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องอีก สำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยได้กำหนดวันหยุดให้แก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์กลับมาทำงานโดยที่จำเลยมิได้สั่ง จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ส่วนวันหยุดพักผ่อนประจำปี เมื่อจำเลยมีคำสั่งให้ทำแผนวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีโจทก์มิได้จัดทำตามคำสั่งของจำเลย เป็นการไม่ใช้สิทธิของตนเอง ไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ค่าชดเชยเป็นเงินซึ่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ กำหนดให้นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง ส่วนเงินสงเคราะห์ตามข้อบังคับจำเลยว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์นั้น จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้สวัสดิ์การแก่ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว ทั้งเงินสงเคราะห์และค่าชดเชยต่างมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินแตกต่างกัน เงินสงเคราะห์จึงเป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้างนอกเหนือจากค่าชดเชย การที่ข้อบังคับของจำเลยกำหนดให้การจ่ายเงินตามข้อบังคับนี้ให้ถือว่าเป็นการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายเกี่ยงกับแรงงานนั้น มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย จึงขัดต่อประกาศกระทรวงหมาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ไม่มีผลบังคับ แม้จำเลยจะจ่ายเงินสงเคราะห์แก่โจทก์แล้วก็ตาม จำเลยก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์อีก
คำสั่งของจำเลย เรื่อง การจัดทำแผนวันลาพักผ่อนประจำปีเป็นเพียงคำสั่งให้ทุกหน่วยงานของจำเลยกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีเป็นรายปีไปไม่ใช่เป็นคำสั่งซึ่งกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่พนักงาน จำเลยออกคำสั่งโดยมีความมุ่งหมายที่จะให้พนักงานใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีแต่ละปีให้เสร็จสิ้นเพราะไม่ต้องการให้พนักงานสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีไว้มากเกินจำนวนซึ่งกำหนดไว้อันอาจทำให้เสียสิทธิในภายหลัง และตามคำสั่งดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดซึ่งกำหนดว่ากรณีที่พนักงานละเลยมิได้จัดทำแผนวันลาพักผ่อนประจำปี ถือว่าพนักงานผู้นั้นสละสิทธิหรือไม่ประสงค์จะหยุดพักผ่อนประจำปี โจทก์มิได้ทำแแผนวันลาพักผ่อนประจำปีตามคำสั่งของจำเลยเพราะโจทก์มีเหตุจำเป็นด้านการงานตามหน้าที่ที่ไม่อาจหาคนอื่นทำหน้าที่แทนได้นั้นไม่ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือเสียสิทธิในการหยุดพักผ่อนประจำปี เมื่อปรากฏว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุโดยโจทก์มิได้หยุดพักผ่อนประจำปีในปีงบประมาณ ๒๕๒๖ และ ๒๕๒๗ และจำเลยมิได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีงบประมาณดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้วจำเลยก็ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีงบประมาณ ๒๕๒๖ และ ๒๕๒๗ ให้แก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๕ ส่วนค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๒๕๒๖ ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า ในปีงบประมาณ ๒๕๒๘ อันเป็นปีที่โจทก์เกษียณอายุนั้น หากโจทก์ไม่ถูกเลิกจ้างโจทก์มีสิทธิได้ลาหยุดพักผ่อนทั้งนี้สืบเนื่องมากจากการทำงานครบ ๑ ปี ของปีงบประมาณ ๒๕๒๗ เป็นการฟ้องขอค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีโดยที่โจทก์มิได้ทำงานให้แก่จำเลย เท่ากับเป็นการขอค่าจ้างล่วงหน้า เมื่อโจทก์มิได้ทำงานในปีงบประมาณ ๒๕๒๘ ย่อมไม่มีวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๒๕๒๘ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้อง
อนึ่ง เนื่องจากอัตราค่าจ้างแต่ละปีและจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีของจำเลยเป็นยุติแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรคำนวณค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยอีก สำหรับดอกเบี้ยของค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้น ตามฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดวันใดศาลฎีกาจึงให้จำเลยรับผิดตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง.