แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารที่ประกอบด้วยลักษณะของใบรับอันต้องปิออากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรกับมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินรวมอยู่ด้วย
ตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามบัญชี อากรแสดมป์ข้อ 9 คือ ตั๋วแลกเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อทำผิดแบบไม่อาจถือว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามอัตราดังกล่าวได้
เอกสารที่มีลักษณะของใบรับ กับมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินด้วย ถ้าทำขึ้นเมื่อใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 แล้ว ก็เข้าลักษณะต้องเสียอากรอย่างตั๋วแลกเงินและต้องถือว่าไม่อยู่ในลักษณะเป็นใบรับที่ต้องเสียอากรอีกด้วย
การลดหย่อนเงินเพิ่มอากรตามกฎกระทรวงฉบับที่ 80 นั้น เป็นดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ จะขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจเปลี่ยนแปลงหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเอกสาร (จดหมายของสำนักงานสาขามีไปถึงสำนักงานใหญ่ของโจทก์) รวม ๕๑๐ ฉบับ ไม่ใช่ใบรับอันต้องปิดอากรแสตมป์ ตามประมวลรัษฎากรและพิพากษาว่า จำเลยตลอดจนพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มอากรตามที่แจ้งในหมยเรียกซึ่งรวมเป็นเงิน ๕๕๗,๒๒๔.๕๐ บาท หรือถ้าหากโจทก์จะต้องเสียก็ขอให้สั่งจำเลยและพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยลดหย่อนเงินเพิ่มอากรให้แก่โจทก์ตามกฎกระทรวง
จำเลยให้การว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยเรียกเก็บเงินอากรและเงินเพิ่มอากรจากโจทก์โดยชอบตามกฎหมาย ที่โจทก์ขอลดหย่อนเงินเพิ่มอากรต่อจำเลย จำเลยเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะสั่ง+ ขอให้ยกฟ้อง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เป็นบริษัททำการซื้อขายยาง ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ยะลา และมีสำนักงานสาขาอยู่ที่เบตงและที่อื่น ๆ อีก เพื่อประโยชน์แก่การค้าของโจทก์ที่จะไม่ต้องส่งเงินไปมาระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขา และเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับความสะดวก และปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย จึงให้สำนักงานสาขาที่เบตงรับซื้อยาง โดยให้ผู้ขายไปรับเงินจากสำนักงานใหญ่ที่ยะลาก็ได้ โดยเมื่อสำนักงานสาขาที่เบตงได้รับซื้อยางไว้เป็นราคาเท่าใด หรือได้รับฝากเงินโอนไปจ่ายจากใครเท่าใด ก็ออกเอกสารตามที่พิพาทกันนี้เป็นหลักฐานเพื่อผู้ขายยางหรือผู้ฝากเงินโอนไปจ่ายนั้นไปรับเงินได้จากสำนักงานใหญ่ เอกสารนี้ทำเป็นแบบพิมพ์ภาษาจีน และกรอกข้อความเป็นราย ๆ โดยมีข้อความเหมือน ๆ กันว่าได้รับเงินจากใคร เป็นจำนวนเท่าใด ดังตัวอย่างคำแปลฉบับหนึ่งว่า
“เลขที่ G ๙ (ให้สังเกตถือใบรับและผู้ถือใบรับด้วย)
ด้วยได้รับเงินจากนายบุ้นลือ แซ่เฮ้ง เป็นเงินไทย ๓๐,๐๐๐ บาท ถ้วน ได้ส่งเอกสารนี้มาให้ยึดถือไว้เป็นหลักฐาน ถึงบริษัทไต้ต๋องยะลา
ผ่านมือนายก๊กไถ่ แซ่ตั้ง บริษัทไต้ต๋อง จำกัด สาขาเบตง วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๙๖”
ศาลฟังว่าเป็นเอกสารที่สำนักงานสาธารณมอบให้ผู้ฝากเงินยึดถือไว้เพื่อนำไปขอรับเงินจากสำนักงานใหญ่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารทั้ง ๕๑๐ ฉบับนี้ ประกอบด้วยลักษณะของใบรับอันต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ตามที่วิเคราะห์ศัพท์ไว้ในมาตรา ๑๐๓ ทั้งไม่มีลักษณะต้องด้วยข้อยกเว้น ไม่ต้องเสียอากรในลักษณะเป็นใบรับแต่อย่างใด
ส่วนที่โจทก์อ้างว่าเอกสารนี้เป็นตั๋วแลกเงินที่ทำผิดแบบ หากจะต้องเสียอากรก็ต้องเสียในลักษณะตั๋วแลกเงิน เห็นว่าไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า ตั๋วแลกเงินไว้ในประมวลรัษฎากร จึงต้องเข้าใจว่าได้แก่ตั๋วแลกเงินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกำหนดแบบไว้ด้วย เอกสารที่พิพาทกันนี้แม้จะมีลักษณะและการใช้ทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินอยู่ด้วยก็ดี แต่ทำผิดแบบจึงไม่อาจถือว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันจะต้องเสียอากรตามอัตราอากรแสตมป์ข้อ ๙ ได้
อัตราอากรแสตมป์ข้อ ๙ นี้ ได้แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ.๒๔๙๖ ซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๖ เป็นว่า “ตั๋วแลกเงินหรือตราสารทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างตั๋วแลกเงิน” แต่เอกสารที่พิพาทนี้ทำขึ้นก่อนวันใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขนี้เป็นส่วนมาก เอกสารเหล่านั้นย่อมฟ้องเสียอากรในลักษณะใบรับตามกฎหมายที่ใช้บังคับในระหว่างนั้น ที่ทำขึ้นเมื่อใช้บังคับพระราชบัญญัตินั้นแล้ว เป็นส่วนน้อย และส่วนน้อยนี้ก็พอถือได้ว่าเป็นตราสารทำนองเดียวกับตั๋วแลกเงินและใช้อย่างตั๋วแลกเงิน อันเข้าลักษณะเสียอากรอย่างตั๋วแลกเงินตามข้อ ๙ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ และต้องถือว่าไม่อยู่ในลักษณะเป็นใบรับที่ต้องเสียอากรอีกด้วย ฎีกาโจทก์พอฟังขึ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับเอกสารที่ทำขึ้นเมื่อใช้บังคับพระราชบัญญัติแก้ไขฉบับดังกล่าวแล้วเท่านั้น
การลดหย่อนเงินเพิ่มอากรตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๘๐ นั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงอากร โจทก์จะร้องขอให้ศาลใช้ดุลพินิจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นหาได้ไม่
พิพากษาแก้เฉพาะว่าเอกสาร ๕๑๐ ฉบับนี้ไม่ใช่ใบรับอันต้องปิดอากรณ์แสตมป์ตามประมวลรัษฎากรเฉพาะแต่ฉบับที่ทำขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๖ และจำเลยไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินอากรในลักษณะใบรับสำหรับเอกสารที่ไม่ใช่ใบรับนั้น