คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ต่อมาถูกศาลพิพากษาให้เป็นผู้ล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าสรวมสิทธิเป็นโจทก์แทน จำเลยร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพราะมีกองทรัพย์สินอยู่กว่า 50,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมแต่เริ่มฟ้องมาชำระภายใน 1 เดือน ในวันครบกำหนด 1 เดือน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า เงินในกองทรัพย์สินของโจทก์ผู้ล้มละลายมีไม่พอจะเสียค่าธรรมเนียม ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมนั้นเสีย และให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ต่อไป คดีได้ความดังนี้ ศาลชอบที่จะได้สั่งคำร้องขอของโจทก์ในข้อจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปนั้นเสียก่อน การที่ศาลไปถือ (ในวันรุ่งขึ้น) ว่า บัดนี้เกิดกำหนดแล้ว โจทก์ไม่ชำระค่าธรรมเนียม และไม่ได้ขอผัดผ่อน ถือว่า โจทก์ไม่ดำเนินคดีตามที่ศาลสั่ง เป็นการทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีเสียนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ
นอกจากนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น แม้ศาลจะไม่อนุญาตให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมมาแล้ว และไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งนั้นภายใน 7 วันก็ตาม คู่ความฝ่ายนั้น ก็ยังขอให้พิจารณา่คำขอนั้นใหม่โดยเฉพาะในข้อที่ว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอได้ ดังนี้ คำสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน 1 เดือน แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ โจทก์ก็ยังยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า โจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้อีก ดังที่โจทก์ได้กระทำมาในคำร้องนั้นแล้ว ศาลชอบที่จะได้พิจารณาและมีคำสั่งในข้อนี้ด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน ๒๔๒,๘๐๐ บาทเพราะโจทก์ปลูกตึกแถวลงในที่ดินของจำเลยและเรียกค่าเสียหายอีก ๕๘๘,๐๐๐ บาท โดยศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา
จำเลยปฏิเสธและตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะถูกฟ้องล้มละลายแล้ว
ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าสรวมสิทธิเป็นโจทก์ในคดีนี้
แล้วจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์มีทรัพย์สินอยู่กว่า ๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้สั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงว่ามีทรัพย์สินเป็นเงินสดสองหมื่นกว่าบาท โดยยังไม่ได้หักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงาน ฯ ขอยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องจำเลยภายหลัง
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเป็นคนยากจนอนาถา เพราะมีกองทรัพย์สินในคดีล้มละลายที่จะชำระค่าธรรมเนียมได้ ให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมแต่เริ่มฟ้องคดีมาชำระภายใน ๑ เดือน
วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๐๕ ซึ่งครบกำหนด ๑ เดือน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า เงินในกองทรัพย์สินของโจทก์มีไม่พอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนโจทก์ เท่านั้น ทั้งไม่มีสิทธิบังคับให้เจ้าหนี้ออกเงินค่าฤชาธรรมเนียมได้ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมและให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไป
วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๕ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฐานะของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปโดยเจ้าพนักงานเข้ามาดำเนินคดีแทนประการหนึ่ง และมีกองทรัพย์สินที่จะชำระค่าธรรมเนียมได้อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง ศาลจึงได้สั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมภายใน ๑ เดือน แต่บัดนี้เกินกำหนดแล้ว โจทก์ไม่ได้ชำระและไม่ได้ขอผัดผ่อน มีแต่คำร้องเข้ามาว่าไม่ควรชำระเท่านั้น ถือได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีตามที่ศาลสั่ง เป็นการทอดทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เจ้าทรัพย์พิทักษ์ทรัพย์มิได้เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยไม่มีเหตุผลแต่ประการใด แต่ได้อ้างเหตุผลขอให้ศาลพิพากษาคดีใหม่ เสมือนขอโอกาสอยู่ในตัว สมควรที่ศาลจะสั่งคำร้องที่ยื่นในวันครบกำหนดนั้นว่าจะอนุญาตหรือไม่อย่างไรก่อนจะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง เพื่อให้โอกาสโจทก์ตามสมควร ถ้าศาลให้ยกคำร้อง โจทก์ก็ยังมีโอกาสจะเสียค่าธรรมเนียมศาลในเวลากำหนดได้อยู่ พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปใหม่เสมือนหนึ่งว่าขณะนี้โจทก์มิได้ทิ้งฟ้อง
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๕๖ นั้น เมื่อศาลไม่อนุญาตให้คู่ความได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม แม้จะไม่อุทธรณ์คำสั่งนั้นภายใน ๗ วัน คู่ความฝ่ายนั้นก็ยังยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้คำนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม โดยเฉพาะในข้อที่ว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้
เหตุนี้ แม้ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน ๑ เดือน และโจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้น โจทก์ก็ยังยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมได้อีก ดังที่โจทก์ได้กระทำไปแล้วโดยคำร้องลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๐๕
คำร้องนี้ ศาลชั้นต้นเห็นไปว่า เป็นคำร้องว่าโจทก์ไม่ควรชำระค่าธรรมเนียมมิได้ขอผัดผ่อนประการใด จึงถือว่าโจทก์ไม่ชำระค่าธรรมเนียมใน ๑ เดือน ตามคำสั่งเดิม และจำหน่ายคดีเสียโดยถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง แต่ความจริงในคำร้องของโจทก์ฉบับนี้ โจทก์ไม่กล่าวในข้อ ๒ ก.ว่า เงินในกองทรัพย์สินของโจทก์ผู้ล้มละลายมีไม่พอที่จะเสียค่าธรรมเนียมของศาลใต้ซึ่งเป็นข้ออ้างว่า โจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียม ขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในข้อนี้นั่นเองชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้พิจารณาและมีคำสั่งในข้อนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียโดยไม่พิจารณาและมีคำสั่งในข้อนี้ก่อน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปใหม่จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share