คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้สักที่จับได้จากจำเลย จำเลยได้ต่อเป็นรูปร่างเรือขึ้นแล้ว ยังคงค้างอยู่แต่ส่วนบนลำเรือที่ยังไม่ได้ปูกระดาน กับไม่ได้ยาชันตามแนวประสาน และยังไม่ได้นำลงน้ำใช้สอยเลย สภาพของเรือของกลางเช่นนี้ ยังไม่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ จึงต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 ม. 4 (4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักแปรรูปโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ม. ๔๔, ๗๓ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม กับให้ริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ ม. ๑๗ และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม้ของกลางได้แปรรูปจนมีสภาพเป็นเรือ ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไปแล้ว จึงไม่ใช่ไม้แปรรูปตามความหมายของ พ.ร.บ. ป่าไม้ จำเลยย่อมไม่มีความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ของกลางคืนจำเลย
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าเรือของกลาง ๓ ลำ ที่จับได้จากจำเลยต่อด้วยไม้สักเป็นเรือกระแซง ๒ ลำ เรือใช้สำหรับติดเครื่องยนต์ ๑ ลำ แต่ละลำได้ต่อเป็นรูปร่างขึ้นแล้ว ยังคงค้างอยู่แต่ส่วนบนลำเรือ ที่ยังไม่ได้ปูกระดานกับไม่ได้ยาชันตามแนวประสาน และยังไม่ได้นำลงน้ำใช้สอยเลย ศาลฎีกาเห็นว่าเรือของกลางยังไม่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ แม้ไม้ของกลางจะต่อทำเป็นรูปเรือขึ้นก็ต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ ม. ๔ (๔) ฯลฯ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share