แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้สักที่จับได้จากจำเลย จำเลยได้ต่อเป็นรูปร่างเรือขึ้นแล้ว ยังคงค้างอยู่แต่ส่วนบนลำเรือที่ยังไม่ได้ปูกระดาน กับไม่ได้ยาชันตามแนวประสาน และยังไม่ได้นำลงน้ำใช้สอยเลย สภาพของเรือของกลางเช่นนี้ ยังไม่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ จึงต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 ม. 4 (4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักแปรรูปโดยมิได้รับอนุญาตตาม  พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔  ม. ๔๔, ๗๓  และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม  กับให้ริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว  พิพากษาลงโทษจำเลยตาม  พ.ร.บ. ป่าไม้  (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓  ม. ๑๗  และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม้ของกลางได้แปรรูปจนมีสภาพเป็นเรือ  ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไปแล้ว  จึงไม่ใช่ไม้แปรรูปตามความหมายของ พ.ร.บ. ป่าไม้  จำเลยย่อมไม่มีความผิด  พิพากษากลับให้ยกฟ้อง  ของกลางคืนจำเลย
โจทก์ฎีกา  ศาลฎีกาฟังว่าเรือของกลาง ๓ ลำ  ที่จับได้จากจำเลยต่อด้วยไม้สักเป็นเรือกระแซง ๒ ลำ  เรือใช้สำหรับติดเครื่องยนต์ ๑ ลำ  แต่ละลำได้ต่อเป็นรูปร่างขึ้นแล้ว  ยังคงค้างอยู่แต่ส่วนบนลำเรือ  ที่ยังไม่ได้ปูกระดานกับไม่ได้ยาชันตามแนวประสาน  และยังไม่ได้นำลงน้ำใช้สอยเลย  ศาลฎีกาเห็นว่าเรือของกลางยังไม่มีสภาพเป็นเครื่องใช้  แม้ไม้ของกลางจะต่อทำเป็นรูปเรือขึ้นก็ต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูปตาม  พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ ๔)  พ.ศ. ๒๕๐๓  ม. ๔ (๔)  ฯลฯ  พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

