คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยกับผู้ร้องเป็นเจ้าของที่งอกร่วมกันโดยยังมิได้แบ่งส่วนเช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดที่งอกได้ทั้งแปลง เรื่องเช่นนี้ แม้แต่ในกรณีระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันอยู่ ถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ก็ต้องขายไปทั้งแปลงเช่นเดียวกัน
เจ้าของรวมย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทำนิติกรรมโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๐๓ ให้โจทก์ รวมทั้งที่งอกริมตลิ่งเกิดจากโฉนดดังกล่าวด้ว เฉพาะที่งอกปรากฏว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมกับจำเลย จำเลยไม่สามารถโอนขายให้โจทก์ได้ จึงให้จำเลยคืนเงินค่าที่งอก กับให้จำเลยใช้เบี้ยปรับและค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย รวมทั้งที่งอกดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
ผู้ร้องทั้งหกร่วมกันยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีสิทธิยึดที่งอกเพื่อขายทอดตลาดหมดทั้งแปลง เพราะที่งอกดังกล่าวผู้ร้องทั้งหกเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ไม่ใช่ของจำเลยแต่ผู้เดียว หากเจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดก็ขอให้ขายเฉพาะส่วนของจำเลยซึ่งมีเพียง ๑ ใน ๗ ถ้าผู้ใดซื้อได้ก็ให้มีสิทธิร่วมกับบรรดาผู้ร้องดังกล่าว
โจทก์แถลงคัดค้าน ขอให้ขายทั้งแปลง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขายทอดตลาดที่งอกไปทั้งแปลง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยกับผู้ร้องยังเป็นเจ้าของที่งอกร่วมกัน โดยยังมิได้แบ่งส่วนเช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดที่งอกได้ทั้งแปลง เรื่องเช่นนี้แม้แต่ในกรณีระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันอยู่ ถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๔ ก็ต้องขายไปทั้งแปลงเช่นเดียวกัน คดีนี้ผู้ร้องมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๗ ดังนัยฎีกา ที่ ๑๐๒๖/๒๕๐๔
พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง

Share