คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิได้วางเกณฑ์องค์ประกอบความผิดไว้ว่า พยานที่เบิกความเท็จนั้นจะต้องได้สาบานหรือปฏิญาณตัวแล้วด้วยจึงจะมีความผิดดังเช่นในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155ความมุ่งหมายอันเป็นสารสำคัญของมาตรา 177 อยู่ที่จะเอาผิดกับผู้เบิกความในข้อสำคัญแห่งคดีด้วยความเท็จเป็นสำคัญเพราะการเบิกความเท็จต่อศาลย่อมมีส่วนทำให้เสื่อมเสียความยุติธรรมได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 901/2505 ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา)เรื่องนายเล็กกับพวกต้องหาว่ามีฝิ่น ยาเสพติดให้โทษ และเสพยาเสพติดให้โทษ จำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จและข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 181

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,181(1) จำคุก 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับในข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยได้เบิกความในการพิจารณาคดีต่อศาลในข้อสำคัญแห่งคดีเป็นเท็จ ปัญหามีว่าการสาบานหรือปฏิญาณตัวของพยานเป็นองค์ประกอบความผิดฐานเบิกความเท็จด้วยหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 บัญญัติว่า “ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษ …” นี้ มิได้วางเกณฑ์องค์ประกอบความผิดไว้ว่า พยานที่เบิกความเท็จนั้นจะต้องได้สาบานหรือปฏิญาณตัวด้วยแล้ว จึงจะมีความผิดดังในกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 155 ความมุ่งหมายอันเป็นสารสำคัญของ มาตรา 177 อยู่ที่จะเอาผิดกับผู้เบิกความในข้อสำคัญแห่งคดีด้วยความเท็จเป็นสำคัญ เพราะการเบิกความเท็จต่อศาลย่อมมีส่วนทำให้เสียความยุติธรรมได้ ทั้งนี้โดยมิได้คำนึงถึงว่า พยานนั้น ๆ จะได้สาบานหรือปฏิญาณตัวแล้วหรือไม่เพราะมิใช่ว่ากฎหมายจะบังคับไว้โดยเคร่งครัดว่าพยานจะต้องปฏิบัติเสมอไป ยังมีบุคคลบางประเภทได้รับยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 112 จำเลยย่อมมีความผิด คำพิพากษาฎีกาที่ 792/2500 เป็นเรื่องขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155 เทียบเคียงคดีนี้ไม่ได้พิพากษายืน

Share