คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดสังหาริมทรัพย์อันจำเลยครอบครองใช้สอยอยู่เป็นประจำ แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะอ้างว่าซื้อจากจำเลย แต่ก็หามีหลักฐานอ้างอิงไม่ ย่อมต้องถือว่าทรัพย์นั้นยังเป็นของจำเลยอยู่
รถจักรยาน 3 ล้อ ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดแม้ผู้ร้องจะรับจำนำไว้ก็ดี ผู้ร้องก็หามีสิทธิจะเรียกขอให้ศาลปล่อยทรัพย์นี้ได้ไม่ คงเรียกร้องให้บังคับตามสิทธิของตนตาม ก.ม.ว่าด้วยการนั้นเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์นำยึดทรัพย์รวม ๑๒ อันดับว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องร้องว่าทรัพย์อันดับ ๒,๓,๔,๕,๖,๘ และ ๑๑ เป็นของผู้ร้อง อันดับ ๑ และ ๑๒ รับจำนำจากจำเลย ขอให้ปล่อยทรัพย์
ศาลแพ่งเห็นว่าทรัพย์เหล่านั้นเป็นของจำเลยและอันดับ ๑และ๑๒ แม้ผู้ร้องรับจำนำไว้ก็ปล่อยทรัพย์นี้ไม่ได้ ได้แต่จะเรียกร้องให้บังคับตาม สิทธิของตนตาม ก.ม.ว่าด้วยการนั้นเท่านั้น (ฎีกาที่ ๙๔๔/๒๔๙๐ ) พิพากษายกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าทรัพย์เหล่านี้ (โต๊ะ ตู้ เตียง) ย่อมเป็นของที่ผู้ครอบครองอยู่ใช้สอยเป็นประจำ ผู้ร้องมิได้อยู่ที่ร้านค้านี้ ทั้งการที่ผู้ร้องอ้างว่าซื้อของเหล่านี้จากจำเลยที่เป็นแต่กล่าวลอย ๆ หาหลักฐานที่อ้างอิงมิได้ พฤติการณ์ทั้งปวงแสดงว่าทรัพย์เหล่านี้ยังเป็นของจำเลยอยู่
รถจักรยาน ๓ ล้อ อันดับ ๑และ ๑๒ รวม ๒ คัน นั้นผู้ร้องก็รับว่ายังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิยึดมาเพื่อชำระหนี้ของโจทก์ แม้จะว่าผู้ร้องรับจำนำไว้ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิจะเรียกขอให้ศาลปล่อยทรัพย์ได้ดังแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ศาลล่างอ้าง
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาผู้ร้อง

Share