คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญาซื้อขายต่อกัน มิใช่เป็นการปลดหนี้โดยการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 340

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาสั่งนุ่นให้โจทก์ ทำให้โจทก์ต้องไปซื้อนุ่นจากผู้อื่นในราคาที่แพงกว่าที่ได้ตกลงซื้อจากจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ราคาที่โจทก์ต้องเสียสูงไปกว่าที่ซื้อจากจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ยอมรับนุ่นจากจำเลย และได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว ราคาที่โจทก์ฟ้องเรียกแพงเกินสมควร การที่โจทก์ผิดนัดผิดสัญญาทำให้จำเลยเสียหาย ขาดผลกำไร จึงฟ้องแย้งขอเรียกผลกำไรที่ขาดจากโจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญากับจำเลย และเมื่อจำเลยว่าเลิกสัญญาแล้วจะฟ้องแย้งว่าโจทก์ไม่ยอมรับนุ่นไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ได้มีการเลิกสัญญาและจำเลยยินยอมในการเลิกสัญญา ให้ยกฟ้องและยกฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาตามที่โจทก์ฟ้องนั้นแล้ว และการเลิกสัญญาในคดีนี้เป็นการเลิกสัญญาโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเลิกสัญญากัน หาใช่การปลดหนี้โดยการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๐ ไม่
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share