คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่ ภายหลังได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมสละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อตามสัญญายอมและศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมแล้วจำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องมอบและโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทให้แก่ผู้มีชื่อนั้นถึงแม้จำเลยจะยังครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกิน 1 ปีก็มิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหว่านข้าวและไถกลบในลำรางหน้าที่ดินโจทก์เป็นการกีดขวางทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถออกไปสู่ทางสาธารณะได้สะดวก และจำเลยยังบุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินของโจทก์อีกด้วย ขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารให้รื้อถอนต้นข้าวของจำเลยออกและห้ามทำนากีดขวางหน้าที่ดินโจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่ดินตามโจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยครอบครองมาและที่ดินบางส่วนกรมทางหลวงแผ่นดินให้จำเลยอาศัยทำกิน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าที่พิพาทนี้จำเลยตกลงยกให้นายแปลกตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยก็ยังคงครอบครองตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีนายแปลกหมดสิทธิที่จะเรียกคืนจากจำเลย เพราะเป็นที่ดินมือเปล่าโจทก์ซึ่งรับโอนสิทธิจากนายแปลกจึงไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จะขับไล่จำเลยไม่ได้ ส่วนที่ดินสามเหลี่ยมเหนือเขตที่ดินพังประมาณ 3 ศอก โจทก์เป็นผู้ครอบครองเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ยังคงครอบครองที่พิพาทภายหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินดังกล่าวให้นายแปลกโดยไม่ยอมเปลี่ยนชื่อจำเลยที่ 1 ให้นายแปลกนั้น จะถือว่าจำเลยที่ 1 เข้าแย่งการครอบครองจากนายแปลกไม่ได้ โจทก์รับโอนจากนายแปลกมายังไม่ถึงปี จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้สิทธิครอบครอง พิพากษาแก้ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้จำเลยรื้อถอนต้นข้าวออกจากที่พิพาทด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 ครอบครองมา จำเลยที่ 1 ได้ยอมสละสิทธิยกให้นายแปลกตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องมอบและโอนสิทธิครอบครองในที่นั้นให้นายแปลกฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะยังคงครอบครองที่พิพาทตลอดมาเป็นเวลาเกิน 1 ปี ก็มิใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เพราะจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนแล้ว และคดีโจทก์ไม่มีทางจะขาดอายุความตาม มาตรา 1375 ดังกล่าวด้วย

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share