แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่โจทก์จำเลยและพี่น้องอีก 2 คน ๆ ละ 1 ส่วนเท่าเท่ากันโดยฟังว่า ที่แปลงนั้นเป็นมรดกของบิดาโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์เห็นว่าจำเลยได้รับมรดกมากเกินไปเป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินไปจำนวนหนึ่ง โจทก์จึงมาฟ้องให้จำเลยใช้เงินจำนวนนั้นแก่โจทก์โดยอ้างว่าที่ดินมรดกแปลงที่กล่าวแล้วเป็นสินสมรสของบิดาและมารดา จำเลยได้รับส่วนแบ่งมรดกเกินไป ดังนี้ เป็นการฟ้องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเองว่าพิพากษาไม่ถูกการฟ้องใหม่จึงเท่ากับขอให้ลบล้างแก้ไขคำพิพากษาของศาลในคดีเดิม จึงเป็นการฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินในโฉนดที่ ๑๒๙๙ เป็นสินสมรสระหว่างนายชูก๊วยและนางเง็กกี่ บิดามารดาของตน นายชูก๊วยวายชนม์ โจทก์จำเลยกับทายาทได้ตกลงแบ่งมรดกกัน แต่ศาลพิพากษาว่าส่วนที่เป็นมรดกได้แก่จำเลยตามที่แบ่งกันโมฆะ จึงได้พิพากษาแบ่งมรดกไปตามฟ้อง เป็นเหตุให้จำเลยรับส่วนมรดกเกินไป และโจทก์ขาดเงินที่ควรได้รับแบ่งปันไป ๓๔๒๐ บาท ๑๔ สตางค์ จึงขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้
จำเลยต่อสู้หลายประการ และว่าเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีในคดีนี้ก็ดี ในคดีก่อนก็ดี ข้อโต้เถียงก็เรื่องที่ดินโฉนดที่ ๑๒๙๙ ว่าจะเป็นมรดกของนายชูก๊วยจะควรแบ่งปันให้แก่โจทก์จำเลยมากน้อยเท่าใด กรณีจะมีเหตุอย่างใด ก็ชอบที่จะว่ากล่าวกันให้สิ้นเชิง บัดนี้ศาลได้พิพากษาแล้วว่า เป็นที่มรดกของนายชูก๊วยให้แบ่งปันแก่โจทก์จำเลยและพี่น้องอีก ๒ คน ๆ ละ ๑ ส่วนเท่ากัน โจทก์เห็นว่าจำเลยได้รับมรดกมากเกินไป เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินไป ๓๔๒๐ บาทเศษพร้อมทั้งดอกเบี้ย ซึ่งความจริงก็คือโจทก์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเองว่า พิพากษาไม่ถูก การฟ้องใหม่ก็เท่ากับขอให้ลบล้างแก้ไขคำพิพากษาของศาลในคดีเดิม ซึ่งได้พิพากษาไว้เสร็จเด็ดขาดแล้วนั้นให้เป็นไปตามคำขอในฟ้องใหม่ของโจทก์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๘
จึงพิพากษายืน