แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นการขอแก้รายละเอียด ซึ่งต้องแถลงในฟ้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 164 โจทก์จะร้องขอแก้ในระยะใดระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น ก็ไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เว้นแต่จำเลยได้หลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือที่มิได้กล่าวไว้นั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ เจ้าพนักงานจับโคของกลางได้จากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ และว่าเจ้าพนักงานมิได้จับโคของกลางได้จากจำเลยดังนี้ การที่โจทก์ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องว่า เหตุได้เกิดที่ตำบลอีกตำบลหนึ่งด้วย ย่อมเห็นได้ว่าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้แต่อย่างใด โจทก์จึงแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้อ้างฐานที่อยู่และปฏิเสธว่า มิได้จับโคของกลางได้จากจำเลย
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ ๔ คนแล้วปรากฎว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยและโคของกลางได้ที่ทุ่งนาตำบลเสือหึง โจทก์จึงยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุว่า เหตุเกิดที่ตำบลเสือหึง อีกแห่งหนึ่ง
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้แก้ฟ้อง แล้วสั่งงดสืบพยานพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุนั้นเป็นการขอแก้รายละเอียด ซึ่งต้องแถลงในฟ้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๖๔ ดังนั้น โจทก์จะร้องขอแก้ในระยะใดระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น ก็ไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเว้นแต่จำเลยได้หลงข้อต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือที่มิได้ว่ากล่าวไว้นั้นคดีเรื่องนี้จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาต่อสู้อ้างฐานที่อยู่และว่าเจ้าพนักงานมิได้จับโคของกลางได้จากจำเลย ดังนั้นจึงไม่เห็นว่าจำเลยได้หลงข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้แต่อย่างใด ฉะนั้นโจทก์จึงขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พร้อมกันพิพากษายืน