แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า’อุตสาหกรรม’ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ตอนท้าย นั้นหมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิตหรือทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้น ๆ ไป ทั้งนี้ โดยผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินค้าที่ประดิษฐ์ขึ้น และแม้จะไม่ได้จำหน่ายขายสินค้านั้นเอง เพียงแต่รับจ้างเขาประดิษฐ์สิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าก็เป็นการประกอบอุตสาหกรรมของตนแล้ว
จำเลยเป็นตัวแทนโฆษณาสินค้าของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ที่ตกลงว่าจ้างจำเลยให้ โฆษณาทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือประกาศโป๊สเตอร์ตามที่ผู้ว่าจ้างกำหนด แล้วจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำบล๊อกต่าง ๆเพื่อโฆษณาสินค้าของบริษัทห้างร้านนั้น ๆ โดยได้รับค่าจ้างจากผู้ว่าจ้างคือ ค่าโฆษณากับค่าบล๊อกหรือของที่ว่าจ้างให้โจทก์ทำและจำเลยคิดเอาค่าธรรมเนียมจากหนังสือพิมพ์หรือสถานีวิทยุผู้รับโฆษณาราว10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของค่าโฆษณา ถ้าไม่ได้ก็คิดเอาจากบริษัทห้างร้านผู้ว่าจ้างให้โฆษณา ดังนี้ ของที่จำเลยว่าจ้างให้โจทก์ทำไม่ใช่สินค้า และไม่มีการซื้อขายสิ่งของนั้นอย่างไรด้วย การรับจ้างของจำเลยจึงไม่ใช่ เป็นการประกอบอุตสาหกรรมหรือเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)ตอนท้ายอายุความเรียกร้องค่าทำบล๊อกของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ว่าจ้างให้โจทก์ทำบล๊อก(แม่พิมพ์) ชนิดต่าง ๆ เขียนป้ายโฆษณาถ่ายภาพสกรีตและฟิล์ม เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาเป็นครั้ง ๆ ไป เป็นเงิน 44,682 บาท โจทก์ได้ทำงานและส่งมอบแก่จำเลยแล้วทุกครั้ง จำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เป็นครั้งคราวเป็นเงิน 11,500 บาท โดยชำระครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2510 คงค้างชำระอีก 33,182 บาท โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามจำเลยแล้ว คงเพิกเฉย จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินที่ค้างพร้อมดอกเบี้ยอีก 2,250 บาท ถึงวันฟ้อง และดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยค้างชำระและตัดฟ้องว่า สิทธิเรียกร้องตามรายการที่ 1 ถึง 79 ตามเอกสารท้ายฟ้อง โจทก์มิได้ฟ้องภายใน 2 ปีจึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า อายุความเรียกร้องค่าจ้างมีกำหนด 2 ปี ฉะนั้น ค่าจ้างทำบล๊อกตามรายการที่ 1 ถึงรายการที่ 79 จึงขาดอายุความตามข้อต่อสู้ของจำเลย จำเลยคงรับผิดใช้ค่าทำบล๊อกตามรายการที่ 80 ถึง 100 เว้นแต่รายการที่ 89 เป็นเงินรวม 4,849 บาทเท่านั้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์อีก 20,376 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “อุตสาหกรรม” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ตอนท้าย นั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้หลายคดีตลอดมาว่าหมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิต หรือทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้น ๆ ไป (คำพิพากษาฎีกาที่ 953/2478, 1218/2501, 395/2502, 273/2506, 416/2507, 797/2509, 947/2509) ทั้งนี้ โดยผู้ประกอบอุตสาหกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินค้าที่ประดิษฐ์ขึ้น และแม้จะไม่ได้จำหน่ายขายสินค้านั้นเอง เพียงแต่รับจ้างเขาประดิษฐ์สิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้า ก็เป็นการประกอบอุตสาหกรรมของตนแล้ว (คำพิพากษาฎีกาที่ 939/2508)
คดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นตัวแทนโฆษณาสินค้าของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ทั้งที่ตกลงว่าจ้างจำเลยให้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์หรือประกาศโป๊สเตอร์ตามที่ผู้ว่าจ้างกำหนด แล้วจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำบล๊อกต่าง ๆ เพื่อโฆษณาสินค้าของบริษัทห้างร้านนั้น ๆ โดยได้รับค่าจ้างจากผู้ว่าจ้าง คือค่าโฆษณากับค่าบล๊อกหรือของที่ว่าจ้างให้โจทก์ทำและจำเลยคิดเอาค่าธรรมเนียมจากหนังสือพิมพ์หรือวิทยุโฆษณาราว 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นของค่าโฆษณา ถ้าไม่ได้ก็คิดเอาจากบริษัทห้างร้านผู้ว่าจ้างให้โฆษณา ดังนี้ ของที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำไม่ใช่สินค้าและไม่มีการซื้อขายสิ่งของนั้นอย่างไรด้วย การรับจ้างของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการประกอบอุตสาหกรรมหรือเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ตอนท้าย อายุความเรียกร้องค่าจ้างทำบล๊อกของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ซึ่งขาดอายุความแล้วดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น