แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์สั่งจองรถยนต์จากจำเลยโดยได้วางเงินมัดจำเป็นเช็คจำนวน 300,000 บาท กับได้มอบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวของโจทก์ซึ่งได้ตีราคาไว้ 400,000 บาท ให้แก่จำเลย เมื่อโจทก์ยกเลิกการสั่งจองและจำเลยได้คืนเงินมัดจำที่ได้รับไว้ตามเช็คให้แก่โจทก์แล้ว แสดงว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมเลิกสัญญาการจองรถที่มีอยู่ต่อกันนั้นโดยปริยาย กรณีเช่นนี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์สั่งจองรถยนต์จากจำเลยโดยวางเงินมัดจำเป็นจำนวน 300,000 บาท กับได้มอบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวของโจทก์ซึ่งตีราคาไว้ 400,000 บาท ให้แก่จำเลย ต่อมาโจทก์ยกเลิกการสั่งจอง จำเลยคืนเงินให้ 300,000 บาท ส่วนเงินอีก 400,000 บาท จำเลยไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยคืนเงิน 400,000 บาทแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาโดยชัดแจ้งว่าโจทก์นำรถไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้จำเลยตีราคามูลค่าเป็นเงิน และในใบสั่งจองรถก็ระบุให้รถยนต์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่โจทก์จะต้องจ่ายให้แก่จำเลยครั้งแรกเมื่อออกรถ แสดงให้เห็นว่าการที่โจทก์จำเลยตีราคารถยนต์บีเอ็มดับบลิวก็โดยมีเจตนาเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของราคารถที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย การที่จำเลยรับรถยนต์ของโจทก์ไว้จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์สละการครอบครองให้รถตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยเด็ดขาดในทันทีไม่ เมื่อผลของการเลิกสัญญาทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม และรถยนต์ที่โจทก์มอบให้แก่จำเลยอันเป็นส่วนหนึ่งของราคารถที่โจทก์ต้องชำระให้แก่จำเลยยังอยู่ที่จำเลยและอยู่ในวิสัยที่จะส่งมอบคืนแก่โจทก์ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องรับรถยนต์ดังกล่าวคืน แม้โจทก์มิได้ฟ้องบังคับให้จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์ ศาลก็ชอบพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์ได้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 391 ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งจองรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส – เบ็นซ์ จากจำเลย ในวันสั่งจองโจทก์ชำระมัดจำให้จำเลยด้วยเช็คจำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท และได้นำรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวของโจทก์ไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้จำเลยตีราคามูลค่าเป็นเงินมัดจำส่วนหนึ่ง โดยจำเลยตีราคา ๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินมัดจำ ๗๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ขอยกเลิกการสั่งจอง จำเลยได้คืนเงินมัดจำให้โจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนเงินอีก ๔๐๐,๐๐๐ บาท ไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อโจทก์ยกเลิกการสั่งจองและขอรับเงินมัดจำคืน จำเลยได้คืนเงินมัดจำ ๓๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ และแจ้งโจทก์มารับรถยนต์ที่นำมาฝากขายคืน แต่โจทก์ไม่มารับรถยนต์คืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยคืนรถยนต์ดังกล่าวแก่โจทก์ จึงเป็นการพิพากษานอกคำฟ้องนั้น ข้อเท็จจริงได้ความตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์กับจำเลยว่า โจทก์ได้สั่งจองรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส – เบ็นซ์ ในราคาสั่งจอง ๒,๔๙๐,๐๐๐ บาท พร้อมอุปกรณ์ติดตั้งจากจำเลย โดยในวันสั่งจองโจทก์ได้วางเงินมัดจำให้จำเลยเป็นเช็คจำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท และจำเลยได้รับเงินตามเช็คดังกล่าวแล้ว กับโจทก์ได้มอบรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวของโจทก์ ซึ่งได้ตีราคาไว้เป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลย และโจทก์ได้ลงชื่อโอนลอยในแบบคำขอโอนและรับโอนพร้อมกับได้มอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์และหนังสือมอบอำนาจในการโอนรถยนต์ดังกล่าวแก่จำเลย ต่อมาโจทก์ยกเลิกการสั่งจอง จำเลยได้คืนเงินมัดจำ ๓๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์แล้ว ส่วนรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวที่โจทก์ได้มอบให้แก่จำเลยยังคงอยู่ที่จำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงในการสั่งจองรถระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาอย่างหนึ่ง เมื่อโจทก์ยกเลิกการสั่งจองและจำเลยได้คืนเงินมัดจำที่ได้รับไว้ตามเช็คให้แก่โจทก์แล้ว แสดงว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมเลิกสัญญาการจองรถที่มีอยู่ต่อกันนั้นโดยปริยาย กรณีเช่นนี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๙๑ วรรคหนึ่ง กล่าวคือ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำที่ได้รับไว้ให้แก่โจทก์ ส่วนรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวที่โจทก์มอบให้แก่จำเลยซึ่งได้ตีราคากันไว้เป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เองได้บรรยายมาโดยชัดแจ้งว่าโจทก์ได้นำรถดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้จำเลยตีราคามูลค่าเป็นเงินและในใบสั่งจองรถก็ระบุรถยนต์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่โจทก์จะต้องจ่ายให้แก่จำเลยครั้งแรกเมื่อออกรถ แสดงให้เห็นว่าการที่โจทก์จำเลยตีราคารถยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวนั้นก็โดยมีเจตนาเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของราคารถที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลย การที่จำเลยยอมรับรถยนต์ดังกล่าวไว้หาใช่เรื่องที่โจทก์สละการครอบครองให้รถนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไปโดยเด็ดขาดในทันทีไม่ เมื่อผลของการเลิกสัญญาคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม และรถยนต์ที่โจทก์มอบให้แก่จำเลยอันเป็นส่วนหนึ่งของราคารถที่โจทก์ต้องชำระแก่จำเลยยังอยู่ที่จำเลยและอยู่ในวิสัยที่จำเลยจะส่งมอบคืนแก่โจทก์ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องรับรถยนต์ดังกล่าวคืนเพื่อให้จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมก่อนมีการจองรถ แม้โจทก์มิได้ฟ้องบังคับให้จำเลยคืนรถยนต์ดังกล่าวแต่ได้เรียกให้จำเลยชำระเงินเท่ากับราคาของรถที่จำเลยจะต้องคืนให้แก่โจทก์ ศาลก็ชอบพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์ได้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการเลิกสัญญา ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.