แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดพิจารณาคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่า กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรทางเศรษฐกิจศาลแรงงานกลางจึงรับฟังข้อเท็จจริงตามที่คู่ความแถลงรับกัน การ ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสวงกำไรทางเศรษฐกิจ จึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษา ศาลแรงงานกลางในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อ แสวงกำไรทางเศรษฐกิจ การจ้างงานระหว่างโจทก์และจำเลยจึงไม่อยู่ ภายใต้ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515ข้อ 2 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 จากจำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างจำเลย เมื่อวันที่ 1ตุลาคม 2532 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากครบเกษียณอายุ โจทก์มิได้กระทำความผิดและทำงานกับจำเลยเกินกว่า 3 ปี ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 99,240 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นการจ้างงานที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน โจทก์พ้นตำแหน่งหน้าที่ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับเกษียณอายุ กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรทางเศรษฐกิจ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณาคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำงานติดต่อกันมาเกินกว่า 3 ปี ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 16,540 บาท โจทก์ทราบข้อกำหนดในเรื่องเกษียณเมื่อมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ตั้งแต่ทำงานโดยไม่คัดค้าน จำเลยให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งหน้าที่เพราะเกษียณอายุเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2532โดยโจทก์ไม่มีความผิด จำเลยยังไม่จ่ายค่าชดเชยและดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรตามคำให้การจำเลย และกิจการของจำเลยได้รับงบประมาณจากงบประมาณแผ่นดินถึงร้อยละ 90
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลาง ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2534 ในวันนัดพิจารณาคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันหลายประการ รวมทั้งข้อเท็จจริงว่ากิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรตามคำให้การจำเลยข้อ 4 และกิจการของจำเลยได้รับงบประมาณแผ่นดินถึงร้อยละ 90 ศาลแรงงานกลางจึงรับฟังข้อเท็จจริงว่ากิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรทางเศรษฐกิจการที่โจทก์อุทธรณ์ว่ากิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มีวัตถุประสงค์แสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ จึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลแรงงานกลางในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กิจการจำเลยเป็นการจ้างงานที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรทางเศรษฐกิจ การจ้างงานระหว่างโจทก์และจำเลยจึงไม่อยู่ภายใต้ของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน2515 ข้อ 2 ค่าชดเชยที่โจทก์ฟ้องเรียกจากจำเลยนั้น เป็นเงินที่โจทก์เรียกร้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 46 เมื่อการจ้างงานระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยจากจำเลยได้
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยเคยจ่ายค่าชดเชยให้แก่พนักงานอื่นที่ออกจากงานเพราะเกษียณอายุตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น จะนำเอามาเป็นเหตุบังคับให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ด้วยหาได้ไม่ เพราะข้อเท็จจริงของแต่ละคดีไม่เหมือนกัน
พิพากษายืน.