คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาเรื่องก่อนยังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง โดยพิพากษาแก้หรือกลับผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วจำเลยยังคงต้องถูกบังคับตามโทษของศาลชั้นต้น ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษคดีอาญาเรื่องก่อนของศาลชั้นต้นต่อไปจนกว่าผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลนั้นๆ จะเปลี่ยนแปลงไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4015/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งพิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี 12 เดือน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง คืนธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ และนับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคสองด้วย), 66 วรรคหนึ่ง, 102 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 23 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 11 ปี 6 เดือน ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 13 ปี 12 เดือน นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) และวรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุก 20 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี รวมกับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เป็นจำคุก 12 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลชั้นต้นนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี ได้หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังไม่ถึงที่สุด จึงนับโทษต่อจากคดีนี้ไม่ได้ เห็นว่า เมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2545 ของศาลจังหวัดชลบุรีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 หากศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังมิได้มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง โดยพิพากษาแก้หรือกลับผลของคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรีแล้ว จำเลยยังคงต้องถูกบังคับตามโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรี ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรีต่อไปจนกว่าผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลนั้นๆ จะเปลี่ยนแปลงไป การที่ศาลชั้นต้นนับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4051/2544 ของศาลจังหวัดชลบุรีมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า มีเหตุสมควรที่จะกำหนดโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนดมาหรือไม่ ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เห็นว่า คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยด้วยวิธีล่อซื้อและยึดเมทแอมเฟตามีนที่ได้จากตัวจำเลยจำนวน 900 เม็ด และที่จำหน่ายให้แก่สายลับอีก 30 เม็ด ซึ่งนับว่ามีจำนวนมาก แสดงว่าจำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้ต่ำกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดมานับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
อนึ่ง การที่ศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษาให้คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของนั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข”
พิพากษายืน แต่ให้คืนธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

Share