คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องของโจทก์ นอกจากโจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ประกอบการขนส่งใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรี แล้วโจทก์ยังระบุอีกว่า จำเลยเป็นนายจ้างหรือตัวการได้ใช้จ้างวานหรือเชิดให้ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้าง หรือตัวแทนขับรถคันดังกล่าว ดังนั้นแม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่ารถคันดังกล่าวเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. มิใช่ของจำเลยก็ตามแต่จำเลยอาจต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างหรือตัวการตามคำฟ้องอีกได้ จึงต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์จำเลยก่อน การที่โจทก์ขอและศาลมีคำสั่งให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มีผลต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. โดยเฉพาะ และไม่ทำให้จำเลยเสียสิทธิในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด โจทก์จึงชอบจะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้ หาต้องฟ้องเป็นอีกคดีต่างหากไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหาย อันเนื่องมาแต่มูลละเมิดรถยนต์ชนกันในฐานะเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและเป็นผู้ประกอบการขนส่งใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรีโดยเป็นนายจ้างหรือตัวการใช้จ้างวานหรือเชิดให้ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปในขณะเกิดเหตุคดีนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 163,601 บาท พร้อมดอกเบี้ย 8,202.40 บาทและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 163,601 บาทนับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิใช่เจ้าของผู้ครอบครองและผู้ประกอบการขนส่งรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรี จำเลยไม่ได้เป็นนายจ้างหรือตัวการในการใช้จ้างวานให้ลูกจ้างหรือตัวแทนขับรถยนต์บรรทุกดังกล่าวในทางการที่จ้าง เหตุที่เกิดรถชนกันเป็นเพราะความประมาทของผู้ขับรถยนต์ของโจทก์ โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายสูงเกินไป และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเป็นผู้ประกอบการขนส่งโดยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรี โจทก์อาจฟ้องให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการรับผิดร่วมกับจำเลย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้าเป็นจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้าเป็นจำเลยร่วม โดยอ้างว่ารถยนต์บรรทุกเป็นของห้าง ซึ่งตามฟ้องโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องผิดตัว จึงไม่อนุญาตให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ยกคำร้อง คดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้าเป็นจำเลยร่วม แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ตามคำฟ้องเมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบการขนส่งโจทก์ยังมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ประกอบการขนส่งใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรี โดยเป็นนายจ้างหรือตัวการได้ใช้จ้างวานให้ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปในขณะเกิดเหตุคดีนี้ โจทก์แถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่ารถคันดังกล่าวเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงการโยธา (ที่ถูกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ)ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้าเป็นจำเลยร่วม อ้างว่าตามหนังสือแสดงการจดทะเบียน ปรากฏว่ามีชื่อห้างดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการขนส่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ยังระบุอีกว่าจำเลยเป็นนายจ้างหรือตัวการได้ใช้จ้างวานหรือเชิดให้ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนขับรถคันดังกล่าวจำเลยจึงอาจต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างหรือตัวการตามคำฟ้องอีกได้ ต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยก่อน ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้ไม่ได้ ต้องฟ้องเป็นอีกคดีต่างหากนั้น เห็นว่า การที่โจทก์ขอและศาลมีคำสั่งให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มีผลต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการโดยเฉพาะ และไม่ทำให้จำเลยเสียสิทธิในการต่อสู้คดีแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาในศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share