คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อทำคานเรือ จำเลยให้การรับในข้อนี้แล้ว ให้การต่อไปอีกว่า ที่ซึ่งจำเลยเช่านี้ใช้ทำเป็นคานเรือและปลูกสร้างโรงเรือนใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจการค้ามาก่อนโจทก์ซื้อ ถือว่าคำให้การดังกล่าวไม่แสดงว่าจำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยอันจะอยู่ในข่ายคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะพึงอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยรับว่าอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ซึ่งฟังไม่ได้ โจทก์ไม่จำต้องสืบถึงการละเมิดและค่าเสียหายที่ฟ้อง ถือว่าจำเลยไม่ต่อสู้ว่า ตนมีสิทธิจะอยู่ได้อย่างไรและไม่ได้ยกข้อคำนวณค่าเสียหายขึ้นต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์เพื่อทำคานซ่อมเรือมีกำหนด 2 ปีครบกำหนดสัญญาแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป จึงแจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยไม่ยอมออกโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญาเช่าจริง และให้การต่อไปว่า ที่ซึ่งจำเลยเช่านี้ ใช้ทำเป็นคานเรือและปลูกสร้างโรงเรือน ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจการค้ามาก่อนโจทก์ซื้อ

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่า การเช่าครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนตามสัญญาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อทำคานเรือ จำเลยให้การรับในข้อนี้แล้ว จำเลยให้การต่อไปว่า ที่ซึ่งจำเลยเช่านี้ทำเป็นคานเรือและปลูกสร้างโรงเรือนใช้เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจการค้ามาก่อนโจทก์ซื้อ คำให้การดังนี้ ไม่แสดงว่า จำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยอันจะอยู่ในข่ายคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะพึงอ้างได้ว่า ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ สำหรับคำบอกกล่าวล่วงหน้า ก็เห็นพ้องกับศาลล่างว่า แม้ไม่มีการบอกกล่าวโจทก์ก็ฟ้องจำเลยได้สำหรับจำนวนค่าเสียหาย จำเลยก็ไม่ให้ยกขึ้นต่อสู้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องนำสืบ

จึงพิพากษายืน

Share