แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจจับจำเลยที่ 4 กับค้นพบแท่นพิมพ์ แบบพิมพ์ ภาพพิมพ์ธนบัตรรัฐบาลพม่าและไพ่ป๊อกปลอมในขณะเดียวกัน สถานที่เดียวกันซึ่งจำเลยถูกฟ้องข้อหาปลอมไพ่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่การกระทำความผิดฐานนทำปลอมเงินตรามีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรปลอมคดีนี้ กับการกระทำความผิดฐานปลอมไพ่ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน เมื่อความผิดของจำเลยที่ 4คดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับ
จำเลยที่ 4 มีที่อยู่และถูกจับในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และความผิดฐานทำธนบัตรรัฐบาลพม่าปลอมก็เกิดในเขตดังกล่าว แต่จำเลยที่ 4 ต้องหาว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน และกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมท้องที่ที่จับจำเลยที่ 1 ฐานมีธนบัตรปลอม มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้
แท่นพิมพ์ของกลางมิใช่เป็นของที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิด ทั้งโจทก์มิได้ขอให้ริบ กลับขอให้คืนเจ้าของ ศาลจึงพิพากษาให้ริบไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันทำปลอมเงินตรามีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรรัฐบาลพม่าปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240, 244, 246, 247, 248, 91, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ริบของกลางเว้นแต่แท่นพิมพ์และหนังสือคู่มือการใช้แท่นพิมพ์ ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบมาตรา 247 ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240, 246, 244 ประกอบ มาตรา 247 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 240 (ประกอบมาตรา 247) เพียงกระทงเดียวตามมาตรา 248จำคุก 6 ปี ของกลางทั้งหมดเป็นของใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่าให้คืนหนังสือคู่มือการใช้เครื่องแท่นพิมพ์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 4ได้ร่วมกระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง
ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยค้นพบแท่นพิมพ์แบบพิมพ์และภาพพิมพ์ธนบัตรและไพ่ป๊อกในขณะเดียวกัน สถานที่เดียวกันถือได้ว่าจำเลยที่ 4 กระทำความผิดกรรมเดียวซึ่งจำเลยก็ได้ถูกฟ้องยังศาลอาญาหาว่าปลอมไพ่ ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องคดีนี้ย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำความผิดฐานทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรปลอม กับการกระทำความผิดฐานปลอมไพ่ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทไม่ความผิดของจำเลยที่ 4ที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงมิใช่ฟ้องซ้ำ
ส่วนฎีกาที่ว่าจำเลยที่ 4 มีที่อยู่และถูกจับในเขตบางขุนเทียน ความผิดฐานทำธนบัตรรัฐบาลพม่าปลอมเกิดในเขตบางขุนเทียน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนจะต้อง เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแต่ทางการกลับให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร อำเภอสามพรานเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ เห็นได้ว่าการสอบสวนความผิดฐานทำธนบัตรรัฐบาลพม่าปลอมมิได้ทำโดยพนักงานสอบสวนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ชอบนั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยในคดีนี้ถูกหาว่าร่วมกันกระทำความผิดซึ่งมีหลายกรรมคือ ความผิดฐานทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตรา และมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ ซึ่งกระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน และกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องย่อมมีอำนาจสอบสวนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3)(4) สำหรับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพรานเป็นพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่จับจำเลยที่ 1 ซึ่งต้องหาว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ และกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตราด้วยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพรานจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบแท่นพิมพ์ของกลางด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะแท่นพิมพ์ของกลางมิใช่เป็นของที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิด ทั้งตามฟ้องโจทก์ก็มิได้ขอให้ริบของกลางรายนี้ กลับขอให้คืนเจ้าของ จึงสมควรคืนเจ้าของ
พิพากษาแก้ ให้คืนแท่นพิมพ์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์