คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจจับจำเลยที่ 4 กับค้นพบแท่นพิมพ์ ภาพพิมพ์ธนบัตรรัฐบาลพม่าและไพ่ป๊อกปลอมในขณะเดียวกัน สถานที่เดียวกันซึ่งจำเลยฟ้องข้อหาปลอมไพ่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่การกระทำความผิดทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรปลอมคดีนี้ กับการกระทำความผิดฐานปลอมไพ่ เป็นการกระทำความผิดหลายกรมต่างกัน เมื่อความผิดของจำเลยที่ 4 คดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับ
จำเลยที่ 4 มีที่อยู่และถูกจับในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และความผิดฐานทำบัตรรัฐบาลพม่าปลอมก็เกิดในเขตดังกล่าว แต่จำเลยที่ 4 ต้องหาว่าร่วมกันจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตรา และมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ กระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน และกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ท้องที่ที่จับจำเลยที่ 1 ฐานมีธนบัตรปลอม มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้
แท่นพิมพ์ของกลางมิใช่เป็นของที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิด ทั้งโจทก์มิได้ขอให้ริบ กลับขอให้คืนเจ้าของ ศาลจึงพิพากษาให้ริบไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรพม่าปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐,๒๔๖,๒๔๗,๒๔๘,๙๑,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ริบของกลางเว้นแต่แท่นพิมพ์และหนังสือคู่มือการใช้แท่นพิมพ์ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๔๔ ประกอบมาตรา ๒๔๗ ลงโทษจำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐,๒๔๖,๒๔๔ ประกอบมาตรา ๒๔๗ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๔๐(ประกอบมาตรา ๒๔๗) เพียงกระทงเดียวตามมาตรา ๒๘๘ จำคุก ๖ ปี ของกลางทั้งหมดเป็นของใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ส่วนจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่าให้คืนหนังสือคู่มือการใช้เครื่องแท่นพิมพ์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ ๔ ได้ร่วมกระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง
ที่จำเลยที่ ๔ ฎีกาว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยค้นพบแท่นพิมพ์ แบบพิมพ์และภาพพิมพ์ธนบัตรรัฐบาลพม่าและไพ่ป๊อกปลอมในขณะเดียวกัน สถานที่เดียวกัน ถือได้ว่าจำเลยที่ ๔ กระทำความผิดกรรมเดียวซึ่งจำเลยก็ได้ถูกยังศาลอาญาหาว่าปลอมไพ่ ศาลอาญาพิพากษาจำเลยว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีอาญาฟ้องคดีนี้ย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔) นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำความผิดทำปลอมเงินตรา มีเครื่องมือปลอมเงินตราและมีธนบัตรปลอม กับการกระทำความผิดฐานปลอมไพ่ เป็นการกระทำความผิดหลายกรมต่างกัน หาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทไม่ ความผิดของจำเลยที่ ๑ ที่โจทก์ฟ้องคดียังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงมิใช่ฟ้องซ้ำ
ส่วนฎีกาที่ว่า จำเลยที่ ๔ มีที่อยู่และถูกจับในเขตบางขุนเทียน ความผิดฐานทำบัตรรัฐบาลพม่าปลอมก็เกิดในเขตบางขุนเทียน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียนจะต้องเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ แต่ทางการกลับให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร อำเภอสามพรานเป็นผู้สอบสวนคดี เห็นว่าได้สอบสวนความผิดฐานมีธนบัตรรัฐบาลพม่าปลอม มิได้ทำโดยพนักงานสอบสวนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยในคดีนี้ถูกหาว่าร่วมกันกระทำความผิดซึ่งมีหลายกรรม คือความผิดฐานปลอมเงินตรา มีเครื่องเมื่อปลอมเงินตรา และมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ ซึ่งกระทำลงในท้องที่ต่าง ๆ กัน และกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนในท้องที่ท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องย่อมมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙(๓)(๔) สำหรับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพรานเป็นพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่จับจำเลยที่ ๑ ซึ่งต้องหาว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อนำออกใช้ และกล่าวหาว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตราด้วย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพรานจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบแท่นพิมพ์ของกลางด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะแท่นพิมพ์ของกลางมิใช่เป็นของที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิด ทั้งตามฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ริบของกลางรายนี้ กลับขอให้คืนเจ้าของ
พิพากษาแก้ ให้คืนแท่นพิมพ์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share