คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายปิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตรแสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วันก็ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทงย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนีจำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไปแสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายย.อีก ครั้นตามไปทันพวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงนายณรงค์ 2 ที ที่บริเวณด้านหลังทะลุไตข้างขวาต้องตัดออก ทั้งนี้โดยเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุผล และร่วมกันชกต่อยและใช้มีดแทงนายยงค์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295, 80, 83 และริบมีดของกลาง

จำเลยให้การว่า นายณรงค์มาท้าน้องชายจำเลย จำเลยออกไปห้าม ก็ถูกนายณรงค์ชก จำเลยจึงชกเพื่อป้องกันตัว ระหว่างนั้นนายยงค์เข้ามาใช้มีดปลายแหลมแทงจำเลยถูกที่นิ้ว จำเลยเตะมือนายยงค์จนมีดหลุด แล้วจำเลยเก็บมีดไว้ คนทั้งสองเข้ามาจะทำร้าย จำเลยจึงตวัดมีดไปรอบ ๆ จำเลยไม่มีพวกร่วมในการนี้ และไม่มีเจตนาฆ่านายณรงค์

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกับพวกทำร้ายนายณรงค์ได้รับอันตรายสาหัส แต่ไม่พอฟังว่าเจตนาฆ่า และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายหรือร่วมกับพวกทำร้ายนายยงค์ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ประกอบด้วยมาตรา 83 จำคุก 2 ปี ริบมีดของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 10 ปี และลงโทษตามมาตรา 295อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุก 10 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อหาฐานพยายามฆ่านายณรงค์นั้น พยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงนายณรงค์ถูกที่บริเวณหลังมีบาดแผล 2 แห่ง คงมีปัญหาว่าจำเลยจะมีความผิดฐานใด แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า จำเลยจับมือนายณรงค์ปิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงส่วนไหนของร่างกายได้ก็จริงอยู่ แต่พวกของจำเลยกลับแทงนายณรงค์บริเวณด้านหลัง มีดที่ใช้แทงก็เป็นเพียงมีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ ซึ่งไม่ใช่อาวุธที่ร้ายแรง บาดแผลทั้งสองแห่งยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง หากแต่แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้ เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่านายณรงค์ จำเลยควรมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส

ส่วนข้อหาฐานทำร้ายร่างกายนายยงค์ซึ่งศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงแตกต่างกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพวกของจำเลยแทงนายยงค์แล้ว นายยงค์วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายนายยงค์อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยก็ใช้มีดแทงนายยงค์ถูกที่แขนขวาท่อนล่างมีบาดแผลลึกถึงกล้ามเนื้อ จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้ายร่างกายนายยงค์เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะที่ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 80 เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 2 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือนนอกนั้นให้คงไว้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share