แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญากู้ที่โจทก์ส่งศาลปิดอากรแสตมป์แล้ว แต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสดตมป์นั้น ถือว่าสัญญากู้ไม่ปิดแสตมป็บริบูรณ์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 103 ข้อ 1 และไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามมาตรา 118 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จำนวน ๑๔,๐๐๐ บาท จำเลยให้การว่าไม่เคยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ตามฟ้อง และตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์เป็นหญิงมีสามี ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสามี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย สัญญากู้ที่ดจทก์ส่งศาลปิดอากรแสตมป์แต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์เป็นสัญญากู้ที่ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๓ ข้อ ๑ และไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามมาตรา ๑๑๘ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๐๓ ข้อ ๑ อธิบายคำว่า ” ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ” หมายความว่า (๑) ในกรณีแสตมป์ปิดทับ คือการได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ทับกระดาษก่อนกระทำหรือในทันทีที่ทำตราสารเป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสีย และได้ขีดฆ่าแสตมป์นั้นแล้ว … เมื่อสัญญากู้ที่โจทก์ส่งศาลปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น จึงถือว่าสัญญากู้ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จึงไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘
พิพากษายืน