คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1205/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นหากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนศาลฎีกาไม่ต้องถือตาม และวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงใหม่กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ร่วมกันจับศีรษะนายประสิทธิ์กระแทกกับฝาบ้านซึ่งเป็นปูนซีเมนต์จนกะโหลกศีรษะแตกร้าวเลือดออกในสมองถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290, 83 จำคุกคนละ 5 ปี

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และไม่ใช่เป็นตัวการ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองได้ติดตามออกไปปลุกปล้ำผู้ตายที่คูน้ำนอกบ้าน แล้วจำเลยทั้งสองเป็นผู้จับศีรษะของผู้ตายกระแทกกับฝาซีเมนต์นั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวน เพราะนางสาวอารีย์พยานโจทก์เบิกความเพียงว่า เห็นจำเลยที่ 1เข้าห้ามปรามมิให้ผู้ตายออกจากบ้านและกอดปล้ำล้มลงด้วยกันกับพื้นดินใกล้คูน้ำหน้าประตูรั้วหน้าบ้าน โดยมีจำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ส่วนในข้อที่ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้จับศีรษะผู้ตายกระแทกกับฝาซีเมนต์นั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงเอาเองว่า ขณะที่จำเลยทั้งสองอยู่กับผู้ตายแล้วมีเสียงโครมครามขึ้น และต่อมาปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่กรรมเพราะกะโหลกศีรษะแตกร้าวเช่นนี้ รูปคดีจึงต้องฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้จับศีรษะของผู้ตายกระแทกกับฝาซีเมนต์โดยมิพักต้องสงสัย ดังนั้น ก่อนที่จะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงใหม่ เห็นได้ว่าตามคำเบิกความของนางสาวอารีย์นั้น จำเลยที่ 2มิได้ทำร้ายผู้ตายและการที่จำเลยที่ 1 กอดปล้ำผู้ตาย ก็เป็นเรื่องห้ามมิให้ผู้ตายออกจากบ้านเท่านั้น มิใช่มีเจตนาทำร้าย ทั้งไม่ได้ความว่ากะโหลกศีรษะของผู้ตายแตกร้าวเพราะการกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 ผู้ตายมิได้ถึงแก่ความตายเพราะการกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ส่วนปัญหาเรื่องจำเลยทั้งสองเป็นผู้จับศีรษะของผู้ตายกระแทกกับฝาซีเมนต์นั้น โจทก์ไม่มีพยานคนใดยืนยันในข้อนี้เลย คำให้การชั้นสอบสวนของนายนิพนธ์ จำเลยไม่มีโอกาสซักค้าน จึงรับฟังเป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้ พยานโจทก์นอกนั้นก็เป็นเพียงพยานบอกเล่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยต่อไป

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share