แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายของนายทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และยังได้พกปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนนั้นไปในทางสาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร ย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 เป็นสองกรรมต่างกันหาใช่กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนขนาด .22 หนึ่งกระบอกพร้อมกระสุน 3 นัด โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยได้พกอาวุธปืนฯดังกล่าวไปในทางสาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 90, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2510 มาตรา 3
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงดังโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีอาวุธปืนฯ ตามฟ้องไว้ในความครอบครองและได้พกอาวุธปืนฯ ดังกล่าวไปในทางสาธารณะในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควรจริง ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่ ที่ถูกควรเป็นกระทงหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เพราะเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จึงพิพากษาแก้ ว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์