แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถนนทุกสายในหมู่บ้านรวมทั้งถนนซอยที่จำเลยสร้างประตูเหล็กปิดกั้นเป็นถนนที่เจ้าของที่ดินผู้จัดสรรสร้างไว้เพื่อเป็นสาธารณูปโภคแก่เจ้าของที่ดินและบ้านในหมู่บ้านทุกแปลง โจทก์เคยใช้ถนนซอยดังกล่าวเป็นที่กลับรถยนต์มาก่อนที่จำเลยจะสร้างประตูเหล็กปิดกั้น เมื่อถนนซอยนี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ในการกลับรถยนต์ได้ ถนนซอยดังกล่าวจึงมิใช่มีไว้เพียงเพื่อเป็นทางเข้าออกบ้านของจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นจึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้กลับรถยนต์ได้ แม้จำเลยจะอ้างว่าประตูเหล็กไม่ได้ใส่กุญแจ โจทก์สามารถที่จะเปิดประตูกลับรถยนต์ได้แต่การกระทำดังกล่าวไม่เป็นการสะดวก การที่จำเลยทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สะดวกในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อประตูเหล็กออกไปได้
แม้ลักษณะของอาคารที่จำเลยสร้างจะเป็นการสร้างหลังคาคลุมถนนซอย มีความสูงเหนือกำแพงรั้วด้านข้างของบ้านโจทก์ก็ตาม แต่เป็นการสร้างติดกับรั้วบ้านโจทก์ หลังคาของอาคารเกือบจะติดกับหลังคาบ้านโจทก์ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว แม้จะมีช่องว่างระหว่างรั้วบ้านโจทก์กับหลังคาอาคารเพื่อให้แสงสว่างและลมผ่านไปได้ แต่แสงสว่างและลมก็ไม่สามารถผ่านไปได้ตามปกติเหมือนอย่างเช่นที่ไม่มีหลังคาอาคาร การที่จำเลยสร้างอาคารคลุมถนนซอยสาธารณะโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ ปิดบังทางของแสงสว่างและลมที่จะเข้าไปในบ้านของโจทก์ได้ตามปกติ ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นได้ตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้ออาคารออกไปจากถนนซอยสาธารณะได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้สร้างประตูเหล็กปิดกั้นถนนอันเป็นสาธารณูปโภคของที่ดินจัดสรรบางส่วน แล้วใช้ถนนที่ปิดกั้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๘จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันสร้างอาคารชั้นเดียวมีหลังคาแต่ไม่มีผนังขึ้นบนถนนส่วนที่จำเลยที่ ๑ ได้สร้างประตูเหล็กปิดกั้นไว้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ใช้อาคารดังกล่าวเป็นโรงจอดรถ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะทำให้โจทก์และบริวารไม่อาจใช้ถนนส่วนที่จำเลยปิดกั้นเป็นที่กลับรถยนต์ได้ และโรงจอดรถที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้นยังได้บังทิศทางลมและแสงแดด ทำให้บ้านของโจทก์ไม่ได้รับลมและแสงแดดตามปกติที่เคยเป็นมาก่อน ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนประตูรั้วเหล็กและอาคารชั้นเดียวที่เป็นโรงรถออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน ๖,๕๕๐ บาท แก่โจทก์ และค่าเสียหายเป็นเงินวันละ ๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนประตูเหล็กและโรงรถออกไปจากทางสาธารณประโยชน์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะถนนที่มีการปลูกสร้างกันนั้นเป็นถนนที่ทางหมู่บ้านพันธุ์ทิพย์ ๒ สร้างขึ้นเพื่อให้ใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกเฉพาะบ้านของจำเลยทั้งสอง ซึ่งปลูกอยู่ทางด้านในห่างจากถนนกลางของหมู่บ้านเท่านั้น หาได้เป็นถนนที่สร้างไว้เพื่อให้โจทก์ได้ใช้ประโยชน์ร่วมด้วยไม่ ก่อนที่จะทำการปลูกสร้างลงไปจำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตจากทางหมู่บ้านพันธุ์ทิพย์ ๒ แล้ว การปลูกสร้างของจำเลยทั้งสองไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะประตูเหล็กนั้นจำเลยไม่ได้ปิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เพราะถนนดังกล่าวไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แต่อย่างใดทั้งสิ้น ทางเข้าออกบ้านของจำเลยทั้งสองนั้นด้านข้างทั้งสองเป็นกำแพงทึบโดยตลอดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจทก์ที่จะมามีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองได้ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาเป็นจำนวนสูงเกินความเป็นจริงและไม่สมควร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ รื้อถอนประตูเหล็ก และให้จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ร่วมกันรื้อถอนอาคารชั้นเดียวตามรายละเอียดที่ปรากฏในแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๖ออกไปจากทางสาธารณประโยชน์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างซื้อบ้านและที่ดินจัดสรรหมู่บ้านพันธุ์ทิพย์ ๒ ไว้คนละแปลง โดยโจทก์ได้ซื้อบ้านเลขที่ ๒๑๐/๒๓ ซึ่งปลูกในที่ดินแปลงที่ ๑๒๑๓๒ ติดกับถนนใหญ่กว้าง ๔.๕ เมตร และติดกับถนนซอยกว้าง ๓ เมตร อันเป็นถนนเข้าบ้านเลขที่ ๒๑๐/๒๘ ซึ่งปลูกในที่ดินแปลงเลขที่ ๑๒๑๓๑ ของจำเลยที่ ๑ และบ้านเลขที่ ๒๑๐/๒๙ ซึ่งปลูกในที่ดินแปลงเลขที่ ๑๒๑๒๙ ของจำเลยที่ ๒ ปรากฏตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๖ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ ได้สร้างประตูเหล็กที่ปากซอยทางเข้าบ้านและที่ดินจำเลยทั้งสอง และในปีพ.ศ.๒๕๒๘ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารที่จอดรถมีขนาดกว้างประมาณ ๓ เมตร ยาวประมาณ๑๒ เมตร สูงประมาณ ๓ เมตร ขึ้นบนถนนซอยที่ปิดกั้นนั้นอีก
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษหรือไม่ เห็นว่าถนนทุกสายในหมู่บ้านพันธุ์ทิพย์ ๒ รวมทั้งถนนซอยที่จำเลยที่ ๑ สร้างประตูเหล็กปิดกั้นเป็นถนนที่เจ้าของที่ดินผู้จัดสรรสร้างไว้เพื่อเป็นสาธารณูปโภคแก่เจ้าของที่ดินและบ้านในหมู่บ้านดังกล่าวทุกแปลง เมื่อปรากฏว่าก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะสร้างประตูเหล็กดังกล่าว โจทก์ได้ใช้ถนนซอยนี้เป็นที่กลับรถยนต์ จำเลยทั้งสองให้การว่า การสร้างประตูเหล็กไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะประตูเหล็กไม่ได้ปิด จำเลยทั้งสองเคยเอื้อเฟื้อให้โจทก์และบริวารใช้เป็นที่กลับรถยนต์มาอย่างไร โจทก์และบริวารก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการกลับรถยนต์ได้อยู่เช่นเดิม เท่ากับจำเลยทั้งสองยอมรับว่าโจทก์ได้เคยใช้ถนนซอยดังกล่าวเป็นที่กลับรถยนต์มาก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะสร้างประตูเหล็กปิดกั้น เมื่อถนนซอยนี้ติดกับด้านข้างที่ดินของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ในการกลับรถยนต์ได้ ถนนซอยดังกล่าวจึงมิใช่มีไว้เพียงเพื่อเป็นทางเข้าออกบ้านของจำเลยทั้งสองเท่านั้น การที่จำเลยที่ ๑ ทำประตูเหล็กปิดกั้นจึงทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้กลับรถยนต์ได้ แม้จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่าประตูเหล็กไม่ได้ปิดใส่กุญแจ โจทก์สามารถที่จะเปิดประตูกลับรถยนต์ได้ แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่เป็นการสะดวก การที่จำเลยที่ ๑ ทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยจึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สะดวกในการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนซอยให้รื้อถอนประตูเหล็กออกไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่โจทก์ไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ถนนซอยดังกล่าวไม่ถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนเรื่องที่จำเลยทั้งสองได้สร้างอาคารบนถนนซอยนั้น เห็นว่าแม้ลักษณะของอาคารตามภาพถ่ายหมาย จ.๕เป็นการสร้างหลังคาคลุมถนนซอยมีความสูงเหนือกำแพงรั้วด้านข้างของบ้านโจทก์ก็ตาม แต่เป็นการสร้างติดกับรั้วบ้านโจทก์ หลังคาของอาคารเกือบจะติดกับหลังคาบ้านโจทก์ ซี่งเป็นบ้านชั้นเดียว แม้จะมีช่องว่างระหว่างรั้วบ้านโจทก์กับหลังคาอาคารเพื่อให้แสงสว่างและลมผ่านไปได้ แต่แสงสว่างและลมก็ไม่สามารถผ่านไปได้ตามปกติเหมือนอย่างเช่นที่ไม่มีหลังคาอาคาร การที่จำเลยทั้งสองสร้างอาคารคลุมถนนซอยสาธารณะโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ ปิดบังทางของแสงสว่างและลมที่จะเข้าไปในบ้านของโจทก์ได้ตามปกติเช่นนี้ ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สร้างอาคารให้รื้อถอนอาคารออกไปจากถนนซอยสาธารณะได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอาคารเป็นหลังคาคลุมถนนซอยไว้มีความสูงโปร่งเหนือกำแพงรั้วบ้านโจทก์ อากาศสามารถถ่ายเทไปมาได้ โจทก์ไม่เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.