แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีหนึ่งแล้วมากล่าววว่า คดีนี้ไม่น่าจะแพ้เลย ที่แพ้ก็เพราะเข้าเมืองสั่งนายอำเภอเมืองไม่ให้ไปเป็นพยาน นายอำเภอเมืองเสียใจร้องไห้ที่ไม่ได้เป็นพยาน เข้าเมืองอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือนร้อน เช่นนี้ แปลได้ว่า จำเลยว่าการสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดทำให้เสียความยุติธรรม เป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดี ผู้ปกครองทำอย่างนี้ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ย่อมทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังเป็นความผิดแล้ว หาใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่ได้กระทำผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า ชอบที่จะยกฟ้อง เพราะถ้อยคำของจำเลยยังไม่ถึงขนาด เป็นเพียงติชมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๓) เท่านั้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่มีความเห็นแย้ง รับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท อ้างนายอำเภอเมืองเป็นพยาน แต่นายอำเภอไม่ได้ไปเบิกความเพราะเจ็บป่วย ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยจึงพูดกับพยานโจทก์คดีนี้ว่า คดีนี้ไม่น่าจะแพ้เลย ที่แพ้ก็เพราะเข้าเมืองสั่งนายอำเภอเมืองไม่ให้ไปเป็นพยาน นายอำเภอเมืองเสียใจร้องไห้ที่ไม่ได้เป็นพยาน เข้าเมืองอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือนร้อน ข้อความนี้แปลได้อยู่ในตัวเองว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งไม่ให้นายอำเภอไปเป็นพยานให้จำเลยที่ศาลทำให้เสียความยุติธรรม เป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดี ผู้ปกครองทำอย่างนี้ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ย่อมทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังเป็นความผิดแล้ว หาใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๓) ไม่
พิพากษายืน