แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้ร่วมเป็นอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในที่ดินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทาน จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องไปดูบริเวณที่ดินและตรวจสอบทรัพย์สินของราษฎรเพื่อทราบจำนวนที่แท้จริงที่ต้องจ่ายค่าทดแทนการที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ตรวจดูรายงานการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่คนอื่นโดยไม่ออกไปดูที่ดิน จึงเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ 1 เอง หากจำเลยที่ 1 ยังไม่มีเวลาไปตรวจสอบก็จะต้องไม่ลงชื่อร่วมกับอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินคนอื่นการที่จำเลยที่ 1 ลงชื่อในใบตรวจสอบเป็นสาเหตุให้โจทก์เชื่อว่าราษฎรมีทรัพย์สินตามเอกสารดังกล่าวและจ่ายเงินค่าทดแทนตามที่อนุกรรมการเสนอเรื่องไปความเสียหายของโจทก์ที่จ่ายเงินทดแทนให้แก่ราษฎรเกินกว่ามูลค่าทรัพย์สินตามความเป็นจริงจึงเกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ร่วมกับบุคคลอื่นกระทำละเมิดต่อโจทก์ และเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 กับบุคคลอื่นดังกล่าวก็ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1กับบุคคลอื่นให้ร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่โจทก์หรือฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดในความเสียหายทั้งหมดแต่เพียงคนเดียวก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการประจำในสังกัดโจทก์ ตำแหน่งนายช่างโยธา 4 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและต้นผลไม้ในที่ดินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทานโครงการพนมทวน โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์ตำแหน่งพนักงานจัดหาที่ดินได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินและต้นผลไม้ร่วมกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ออกไปร่วมตรวจสอบทรัพย์สินและต้นผลไม้ของราษฎร แต่ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 กระทำการทุจริตจดบันทึกรายการทรัพย์สินที่ตรวจสอบไม่ตรงต่อความเป็นจริง โดยจดแจ้งจำนวนทรัพย์สินดังกล่าวมากกว่าความเป็นจริง เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายเงินค่ารื้อย้ายทรัพย์สินและต้นผลไม้ของราษฎรไปเกินกว่าจำนวนที่แท้จริงขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกัน หรือแทนกันใช้เงินจำนวน 526,628.75 บาท ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 190,173.75 บาท ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 181,268.50 บาท ให้จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 867,446 บาท และให้จำเลยที่ 1 และที่ 5 ร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 105,699.50 บาทคืนแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า การปฏิบัติงานด้านจัดหาที่ดินและการออกไปตรวจสอบทรัพย์สินทั้งการจัดทำบันทึกนั้น มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยตรง จำเลยที่ 1 เพียงร่วมลงชื่อในบันทึกรายการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อให้เอกสารครบองค์ประกอบของกรรมการจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมทำการทุจริตในการจ่ายเงินและหลักฐานการจ่ายเงินก็มีรายชื่อบุคคลผู้รับเงินถูกต้องทั้งเงินที่จ่ายก็จ่ายถูกต้องจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของเจ้าหน้าที่อื่น ๆ จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ร่วมงานฝ่ายช่าง จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดทั้งยอดเงินตามฟ้องไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 5ให้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินและต้นไม้ในที่ดินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทานโครงการพนมทวนร่วมกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5จึงไม่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายและมิได้กระทำการทุจริตขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ร่วมกันใช้เงินจำนวน 526,628.75 บาท ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 4 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 190,173.75 บาท ให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 181,268.50 บาท ให้จำเลยที่ 1ที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 867,446 บาท และให้จำเลยที่ 1 และที่ 5 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 105,699.50 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 และที่ 5 อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแต่เฉพาะจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอนาถาได้เพียงบางส่วน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต่อไป จำเลยที่ 1 และที่ 5 กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ขณะจำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยที่ 1 มีงานราชการประจำในตำแหน่งงานวิศวกรรมและบริหารอยู่มาก ไม่สามารถปลีกตัวออกไปตรวจดูทรัพย์สินของราษฎรได้ทุกครั้งแต่มีเจ้าหน้าที่คนอื่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินของโจทก์ออกไปตรวจสอบอยู่แล้ว ก่อนลงชื่อในบัญชีขออนุญาตจ่ายเงินค่ารื้อย้ายบ้านโรงเรือนและต้นไม้แก่ราษฎร จำเลยที่ 1 ได้ใช้ความระมัดระวังตรวจสอบเอกสารดังกล่าวเมื่อเห็นถูกต้องจึงได้ลงชื่อไว้ ความเสียหายเกิดจากจำเลยคนอื่นกับราษฎรเจ้าของทรัพย์สินร่วมกันทุจริตมิใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้ร่วมเป็นอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินในที่ดินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทานโครงการพนมทวน จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่จะต้องไปดูบริเวณที่ดินที่ถูกเขตชลประทานรวมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินของราษฎรเพื่อจะได้ทราบถึงจำนวนเงินที่แท้จริงที่โจทก์จะต้องจ่ายค่าทดแทนค่าที่ดิน ค่าต้นไม้ และค่ารื้อย้ายทรัพย์สินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทานการที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ตรวจดูรายงานการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินคนอื่นแล้ว เชื่อตามรายงานดังกล่าวโดยมิได้ออกไปดูที่ดินที่ถูกเขตชลประทานด้วยตนเอง จึงเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ 1 เองหากจำเลยที่ 1 ยังไม่มีเวลาที่จะไปตรวจสอบทรัพย์สินของราษฎรดังกล่าวด้วยตนเอง จำเลยที่ 1 ก็จะต้องไม่ลงชื่อในใบตรวจสอบบ้านเรือนและต้นไม้ตามเอกสารหมาย จ.7 ร่วมกับอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินคนอื่น การที่จำเลยที่ 1 ลงชื่อในใบตรวจสอบบ้านเรือนและต้นไม้นั้นย่อมเป็นสาเหตุทำให้โจทก์เชื่อว่าราษฎรมีทรัพย์สินตามเอกสารดังกล่าวและจ่ายเงินค่าทดแทนทรัพย์สินของราษฎรตามที่คณะอนุกรรมการเสนอเรื่องไปความเสียหายของโจทก์ที่จ่ายเงินทดแทนให้แก่ราษฎรเกินกว่ามูลค่าทรัพย์สินตามความเป็นจริงจึงเกิดจากการกระทำโดยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า หากจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ มีนายอำเภอท้องที่กำนันท้องที่ ผู้ใหญ่บ้านท้องที่เจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินและนายช่างชลประทานซึ่งมีหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบทรัพย์สินของราษฎรที่ถูกเขตชลประทานจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ค่าเสียหายที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระให้โจทก์จึงไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่าหากจำเลยที่ 1 ร่วมกับบุคคลอื่นกระทำละเมิดต่อโจทก์และเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 กับบุคคลอื่นดังกล่าวก็ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 กับบุคคลอื่นให้ร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ หรือฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดในความเสียหายทั้งหมดแต่เพียงคนเดียวก็ได้ ข้อโต้แย้งของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ได้เช่นเดียวกัน”
พิพากษายืน