แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงลายมือชื่อผู้อุทธรณ์เป็นฟ้องที่ ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67(5) และ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามมาตรา 18 วรรคสอง โดยให้ผู้อุทธรณ์ลงลายมือชื่อในฟ้องอุทธรณ์เสียให้ถูกต้อง แล้วให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า “เห็นสมควรยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยก่อนว่า ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองมิได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีไปโดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวให้บริบูรณ์เสียก่อน ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ที่มิได้ลงลายมือชื่อผู้อุทธรณ์นั้นเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 67(5) ควรยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 วรรคสอง โดยให้โจทก์ทั้งสองลงลายมือชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้บริบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อเป็นฟ้องอุทธรณ์ที่บริบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ คดียังไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นอีก”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นจัดการให้โจทก์ทั้งสองลงลายมือชื่อในฐานะผู้อุทธรณ์ในฟ้องอุทธรณ์เสียให้ถูกต้องแล้วให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ฝ่ายที่แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย