คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นำไม้เคี่ยมซึ่งเป็นมรดกของสามีจำเลยในส่วนที่เป็นของ ผู้เยาว์ไปทำสัญญาจะซื้อจะขายกับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการนำทรัพย์สินของผู้เยาว์ไปแสวงหาผลประโยชน์อันจำเป็นต้องขออนุญาตต่อศาลก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1574 (11) แต่เป็นการทำสัญญาขายสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ซึ่งไม่ขัดต่อ มาตรา 1574 เพราะไม่มีกรณีที่ต้องห้ามตามมาตรา 1574 แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำฐานผิดสัญญาจะซื้อขายและชำระเบี้ยปรับรวมเป็นเงิน 2,050,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชาย ป. และ เด็กหญิง ว. ชำระเงินแก่โจทก์ 1,050,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชาย ป. และเด็กหญิง ว. นำไม้เคี่ยมซึ่งเป็นมรดกของสามีจำเลยในส่วนที่เป็นของผู้เยาว์ทั้งสองไปทำสัญญาจะซื้อจะขายกับโจทก์ เป็นการนำทรัพย์สินของผู้เยาว์ไปหาประโยชน์โดยมิได้รับอนุญาตต่อศาลเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ทั้งสองดังกล่าวทำสัญญาจะซื้อจะขายไม้เคี่ยมในส่วนที่เป็นของผู้เยาว์ทั้งสองกับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการนำทรัพย์สินของผู้เยาว์ไปแสวงหาผลประโยชน์อันจำเป็นต้องขออนุญาตต่อศาลก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 (11) หากแต่เป็นการทำสัญญาขายสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ ซึ่งไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 เพราะไม่เป็นกรณีที่ต้องห้ามตามมาตรา 1574 แต่อย่างใด สัญญาจะซื้อจะขายไม้เคี่ยมมีผลสมบูรณ์บังคับกันได้ตามกฎหมาย จำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ทั้งสองดังกล่าวย่อมต้องผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายไม้เคี่ยมตามที่อุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัย ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชาย ป. และเด็กหญิง ว. ชำระเงินจำนวน 550,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นฎีกา โดยกำหนดค่าทนายความรวม 20,000 บาท.

Share