แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พบภรรยากำลังทำชู้กับชายอื่นอยู่ในห้อง จึงพังประตูเข้าไป ชู้วิ่งหนีลงเรือนไปได้ จำเลยใช้ปืนยิงชู้ จนหมดกระสุนถึง 5 นัด แล้วยังเอามีดฟันภรรยาของตนอีกอย่างไม่ไว้ชีวิต มีบาดแผลถึง 9 แผลถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ ไม่เรียกว่าเป็นการกระทำโดยป้องกันตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50 แต่เรียกได้ว่ากระทำโดยถูกยั่วโทสะตามมาตรา 55
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ
โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า มิใช่เป็นการป้องกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความในวันเกิดเหตุเวลาค่ำจำเลยกลับมาถึงบ้าน ผู้ตายซึ่งเป็นภริยาจำเลยกับนายสุนทรกำลังทำชู้กันอยู่ในห้องเรือน จำเลยถีบประตูสลักหัก เปิดออก จำเลยเข้าไปในห้องมีชายคนหนึ่งวิ่งหนีออกจากห้อง จำเลยยิงชายนั้นจนหมดกระสุน 5 นัด แล้วหยิบพร้าที่ระเบียงเรือนขึ้นมาฟันภรรยาจำเลยตาย มีบาดเจ็บถึง 9 แผล เป็นแผลฉกรรจ์อาจตายทันทีมีถึง 3 แผล แสดงว่าฟันอย่างไม่ไว้ชีวิต ตั้งใจฆ่าโดยไม่ต้องสงสัยภรรยาจำเลยก็ตายในขณะนั้นเอง ดังนี้ไม่ต้องด้วยลักษณะป้องกันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 50 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา แต่เป็นการกระทำเพราะถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรง โดยมิเป็นธรรม และบันดาลโทสะกระทำผิดขึ้นในขณะนั้น เรียกได้ว่ากระทำผิดโดยถูกยั่วโทสะ
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249, 55 เป็นโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน ลดตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงเหลือ 5 ปี